ตลาดยีนส์เก่าร้อนฉ่า! Levi’s โบราณ 125 ปีถูกประมูลล็อตละ 3 ล้านบาท

ชัดเจนว่าอย่าทิ้งเลยยีนส์เก่า เพราะวันนี้ตลาดวินเทจเดนิมกำลังส่งสัญญาณร้อนแรงสุดขีด ล่าสุดมีผู้ตกลงจ่ายเงินก้อนใหญ่ 3 ล้านบาทแลกกับกางเกงผ้ายีนส์โบราณอายุ 125 ปีจำนวนหลายตัว กลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลกเพราะผู้ประมูลเป็นชาวอาเซียนภูมิภาคเรา

Daniel Buck Soules จากบริษัทประมูล Daniel Buck Auctions ให้ข้อมูลว่ากางเกงยีนส์สีน้ำเงินแบรนด์ Levi Strauss & Co. จากยุคคาวบอยหรือ American Old West นั้นถูกจำหน่ายแล้วด้วยราคาประมูลรวม 100,000 เหรียญ (ราว 3,189,750 บาท) โดยบลูยีนส์อายุ 125 ปีจำนวนหลายตัวเหล่านี้เคยถูกวางแผนเปิดประมูลมาก่อนเมื่อปี 2016 แต่ครั้งนั้นการประมูลถูกล้มไป กระทั่งได้เจ้าของคนใหม่ ซึ่งอาศัยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

น่าเสียดายที่บริษัทประมูลทำข้อตกลงกับผู้ซื้อ ทำให้ไม่มีการเปิดเผยสัญชาติของผู้ซื้อ รวมถึงค่าใช้จ่ายที่แท้จริงในการซื้อกางเกงยีนส์โบราณล็อตนี้ โดยรายงานระบุเพียงว่ากางเกงยีนส์ผ้าฝ้าย button fly ซึ่งติดกระดุมแทนซิปเหล่านี้ถูกสวมใส่เพียงไม่กี่ครั้ง

ข่าวยังระบุอีกว่า ยีนส์โบราณทั้งหมดถูกซื้อในปี 1893 โดยผู้ดูแลร้านในเมืองแอริโซนาเทอร์ริทอรี ก่อนจะถูกเก็บลืมลงหีบนานหลายสิบปี 

Soules ผู้บริหารบริษัทประมูลกล่าวว่า ราคาซื้อยีนส์โบราณที่สูง สะท้อนคุณค่ามหาศาลของยีนส์ คำพูดนี้แสดงว่าตลาดวินเทจเดนิมนั้นขยายตัวมาตลอด ซึ่งเป็นสิ่งที่คนในวงการประมูลทราบกันดี

*** Levi’s กลับมาท็อปฟอร์ม

ในยุคปี 90 แบรนด์ Levi’s ถูกประเมินว่ามีขนาดใหญ่กว่า Nike แต่น่าเสียดายที่เมื่อถึงช่วงเปลี่ยนสหัสวรรษ Levi’s ในวัย 165 ขวบกลับพบว่ายอดขายของบริษัทลดลงจาก 7 พันล้านเหรียญในปี 1996 เหลือเพียง 4 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2001 จากนั้น Levi’s ถูกมองว่าเป็นแบรนด์ยุคแม่ที่เด็กวัยรุ่นเมิน แต่ล่าสุด รายงานชี้ว่า Levi’s กลับมาท็อปฟอร์มและทำยอดขายปี 2017 ที่ผ่านมาเติบโตแรงที่สุดในรอบ 10 ปี และการเติบโตนี้ยังแข็งแกร่งถึง Q1 ปี 2018 นี้ด้วย

ถามว่า Levi’s ทำได้อย่างไร คำตอบคือวิธีการตรงไปตรงมานั่นคือ Levi’s จะเน้นกำไรมากกว่าสิ่งอื่นใด โดย Bergh Bergh ผู้ขึ้นเป็นซีอีโอของ Levi’s ในปี 2011 ประกาศแนวทางชัดเจนให้บริษัทมุ่งเน้นไปที่กำไรเป็นหลัก ผลคือ Levi’s กลายเป็นแบรนด์ที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ใช่แบรนด์กางเกงสำหรับผู้ชายเท่านั้นอีกต่อไป

Levi’s ยังปรับภาพลักษณ์ ด้วยการพัฒนาสินค้าในมุมใหม่ นอกจากเสื้อผ้าผู้หญิง Levi’s ยังหันมาทำอุปกรณ์กีฬาและแก็ดเจ็ตสำหรับอนาคต เช่น การร่วมกับ Google เพื่อสร้างเสื้ออัจฉริยะ หรือ smart jacket

ทั้งหมดนี้ทำบนการปรับนโยบายแบบองค์รวมทั้งระบบ โดย Levi’s พยายามขยายการเข้าถึงผู้บริโภคโดยใช้เว็บไซต์ของตัวเอง และเปิดร้านค้าปลีกเพิ่มมากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการขายที่ต้องพึ่งพาบุคคลที่สาม

ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา Levi’s เปิดร้านมากกว่า 56 แห่งในสหรัฐฯ และปีที่แล้ว ยอดขายของ Levi’s เพิ่มขึ้นถึงเป็น 4,900 ล้านเหรียญ จากที่เคยทำได้ 4,400 ล้านเหรียญในปี 2011.

ที่มา