เจ้าถิ่นว่าไง! ต่างชาติแห่เปิด Co-working Space ในไทย ยึดทำเลตึกเกรดเอใจกลางธุรกิจ จับลูกค้าองค์กร

ตลาดโคเวิร์กกิ้งสเปซ (Co-working Space) ของไทยกำลังเป็นที่หมายปองของบริษัทข้ามชาติ ที่มองว่าโอกาสของธุรกิจนี้ยังมีอีกมาก 

JLL ที่ปรึกษาและบริการอสังหาริมทรัพย์ ระบุถึง โคเวิร์กกิ้งสเปซ หรือที่นั่งทำงานร่วมให้เช่า เป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็วในกรุงเทพฯ หลังผู้ประกอบการรายใหญ่จากต่างประเทศเริ่มเปิดตัวในอาคารสำนักงานเกรดเอและคาดว่าจะมีอีกหลายรายตามเข้ามา

Spaces Summer Hill

โคเวิร์กกิ้งสเปซรายใหญ่จากต่างประเทศที่เข้ามาเปิดธุรกิจหรือเตรียมพื้นที่สำหรับเปิดธุรกิจในกรุงเทพฯ แล้ว ได้แก่ Spaces จากมีสาขาที่อาคารจตุรัสจามจุรี (และซัมเมอร์ฮิลล์ คอมมูนิตี้มอลล์ย่านพระโขนง), Justco เปิดสาขาแรกแล้วที่อาคารเอไอเอ สาธร ทาวเวอร์ และกำลังเตรียมเปิดอีกสาขาที่อาคารแคปปิตอล ทาวเวอร์ (ออล ซีซั่นส์ เพลส), WeWork เตรียมเปิดสาขาแรกที่อาคารเอเชีย เซ็นเตอร์ และ The Great Room ซึ่งจะเปิดสาขาแรกที่อาคารเกษร ทาวเวอร์ในเดือนนี้

ล่าสุด JustCo โคเวิร์กกิ้งสเปซจากสิงคโปร์ จับมือ แสนสิริ เปิดสาขาแรกในประเทศไทยที่อาคารเอไอเอ สาทร ทาวเวอร์

ยุพา เสถียรภาพอยุทธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการธุรกิจอาคารสำนักงาน JLL กล่าวว่า “ผู้ประกอบการโคเวิร์กกิ้งสเปซรายใหญ่จากต่างประเทศ ล้วนเลือกเช่าพื้นที่เพื่อเปิดธุรกิจในอาคารสำนักงานเกรดเอในย่านศูนย์กลางธุรกิจ โดยส่วนใหญ่เช่าพื้นที่ขนาด 3,000 ตารางเมตรขึ้นไปสำหรับแต่ละสาขา นอกจากนี้ ผู้ประกอบการเหล่านี้บางรายยังมีแผนขยายสาขาเพิ่มอีกจำนวนมาก”

JustCo
JustCo

“ยังมีผู้ประกอบการโคเวิร์กกิ้งสเปซจากต่างชาติอีกหลายรายที่กำลังอยู่ระหว่างเตรียมเข้ามาเปิดธุรกิจในกรุงเทพฯ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากประเทศในเอเชีย ได้แก่ ญี่ปุ่น ฮ่องกง และมาเลเซีย และกำลังมองหาพื้นที่เช่าขนาด 2,000-3,000 ตารางเมตร ในอาคารสำนักงานเกรดเอ” ยุพา กล่าว

ในอดีต โคเวิร์กกิ้งสเปซที่เปิดให้บริการในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการไทยเกือบทั้งหมด โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักคือบริษัทสตาร์ทอัพและบริษัทเอสเอ็มอีที่มีจำนวนพนักงานน้อยและไม่จำเป็นต้องมีออฟฟิศเต็มรูปแบบ

รวมไปจนถึงกลุ่มคนทำงานอิสระที่ต้องการที่นั่งทำงานซึ่งมีความสะดวก และสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานได้ดีกว่าการนั่งทำงานที่บ้าน ตลอดจนถึงการมีโอกาสได้ปฏิสัมพันธ์กับผู้คนจากหลากหลายสาขาอาชีพหรือจากสาขาอาชีพที่ใกล้เคียงกัน

JustCo

ดังนั้น โคเวิร์กกิ้งสเปซที่มีอยู่ตั้งแต่ช่วงแรกๆ มักเปิดบริการอยู่ในตึกขนาดเล็กถึงขนาดกลาง รวมไปจนถึงศูนย์การค้า มีผู้ประกอบการจำนวนไม่มากนักที่เช่าพื้นที่อาคารสำนักงานเพื่อเปิดบริการ แบรนด์ต่างชาติ ได้แก่ BIGWork ที่สาธรนคร ทาวเวอร์

ส่วนตัวอย่างแบรนด์ไทย ได้แก่ Glowfish ที่อโศก ทาวเวอร์ และอาคารสาธร ธานี, Launchpad ที่อาคารเศรษฐีวรรณ, Draft Board ที่อาคารอรกานต์, Kloud ที่อาคารฟลอริช และ Meticulous Offices ที่เอสเอสพีทาวเวอร์

JustCo

ผู้ประกอบการรายใหญ่จากต่างชาติที่เข้ามาเปิดบริการและที่กำลังจะตามมาอีก มีกลุ่มเป้าหมายหลักอยู่ที่ลูกค้าประเภทองค์กร นับตั้งแต่บริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางที่ต้องการใช้โคเวิร์กกิ้งสเปซเป็นสำนักงานหลัก ไปถึงบริษัทขนาดใหญ่ ที่สามารถใช้โคเวิร์กกิ้งสเปซเป็นสำนักงานย่อย หรือสำรองที่นั่งทำงานไว้สำหรับให้พนักงานที่มักไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศ ให้สามารถเข้าไปใช้ได้

โดยผู้ประกอบการโคเวิร์กกิ้งสเปซเหล่านี้ บางรายสามารถจัดสรรที่นั่งทำงานให้ตรงตามความต้องการขององค์กรลูกค้ามากที่สุด ไม่ว่าจะในเรื่องของความเป็นสัดเป็นส่วน ตลอดไปจนถึงอัตลักษณ์ขององค์กร แต่ทั้งนี้ยังคงคอนเซ็ปต์ของโคเวิร์กกิ้งสเปซไว้ คือ การมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไว้ให้ลูกค้าใช้ร่วมกัน และการออกแบบพื้นที่ให้ลูกค้าต่างรายยังคงมีโอกาสมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันได้

Spaces Summer Hill

JLL คาดว่า โคเวิร์กกิ้งสเปซจะเป็นที่นิยมของลูกค้าระดับองค์กรมากขึ้น ไม่เพียงเพราะเป็นรูปแบบที่นั่งทำงานซึ่งมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้เกิดสังคมของการทำงานร่วมกันเท่านั้น แต่ยังมีความยืดหยุ่นสูงด้วย โดยบริษัทที่ใช้โคเวิร์กกิ้งสเปซเป็นสำนักงานหรือที่ทำงาน ไม่จำเป็นต้องลงทุนตกแต่งสำนักงานเอง และไม่ต้องผูกพันกับสัญญาเช่ายาว จึงสามารถย้ายออกได้ง่ายกว่าการเช่าสำนักงานแบบเดิม นอกจากนี้ รูปแบบการให้บริการแบบสมาชิก ยังเปิดโอกาสให้สามารถปรับเพิ่มหรือลดจำนวนที่นั่งได้ตามการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของจำนวนพนักงานที่มีอยู่จริง

ด้วยกระแสการเติบโตของที่ทำงานรูปแบบใหม่นี้ ทำให้เจ้าของอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ เริ่มสนใจแนวคิดการปรับพื้นที่บางส่วนในอาคารของตนให้เป็นโคเวิร์กกิ้งสเปซ ซึ่งต่างจากเมื่อ 3-4 ปีที่แล้วที่ไม่มีเจ้าของอาคารสำนักงานสนใจแนวคิดนี้เลย

อย่างไรก็ดี การบริหารจัดการต้องอาศัยความเชี่ยวชาญที่ต่างจากการให้เช่าพื้นที่สำนักงานรูปแบบเดิม ทำให้ในเบื้องต้นนี้เจ้าของอาคารสนใจที่จะหาผู้ประกอบการโคเวิร์กกิ้งสเปซเข้ามาเป็นหุ้นส่วนมากกว่าที่จะเป็นผู้ดำเนินการเอง

รายงานการวิจัยจาก JLL ระบุว่า สถานที่ทำงานที่มีความยืดหยุ่นสูง ซึ่งหมายรวมถึงเซอร์วิสออฟฟิศและโคเวิร์กกิ้งสเปซ กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ทำให้ธุรกิจนี้ขยายตัวอย่างรวดเร็วทั่วโลก โดยเฉพาะเอเชียแปซิฟิก ซึ่งนับเป็นภูมิภาคที่มีการขยายตัวของเซอร์วิสออฟฟิศและโคเวิร์กกิ้งสเปซรวดเร็วที่สุดในโลก

โดยในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตที่ 35.7% เทียบกับอเมริกาและยุโรปที่มีการขยายตัว 25.7% และ 21.6% ตามลำดับ นอกจากนี้ JLL ยังคาดการณ์ด้วยว่า ภายในปี 2573 โคเวิร์กกิ้งสเปซจะมีสัดส่วนคิดเป็นประมาณ 30% ของพื้นที่สำนักงานทั่วโลก

“แม้การใช้โคเวิร์กกิ้งสเปซเป็นที่ทำงานจะเป็นแนวคิดที่ยังใหม่สำหรับบริษัทส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯ แต่จากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วในเมืองต่างๆ ทั่วโลกที่มีพัฒนาการไปไกลกว่า พบว่า ที่ทำงานรูปแบบนี้กำลังได้รับความนิยมในหมู่ลูกค้าระดับองค์กร จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าประหลาดใจหากโคเวิร์กกิ้งสเปซจะได้รับความนิยมในกรุงเทพฯ ด้วยเช่นกัน.