ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนดาวรุ่งสัญชาติจีน “เสี่ยวหมี่” (Xiaomi) รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2018 ว่าขาดทุนสุทธิ 7 พันล้านหยวน หรือราว 1.09 พันล้านเหรียญสหรัฐ ถือเป็นตัวเลขช็อกโลกในวันที่ Xiaomi กำลังพาตัวเองเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ด้วยการเสนอขายหุ้นครั้งแรก IPO
ตัวเลขขาดทุนของ Xiaomi ถูกประกาศในเอกสาร IPO โดยผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแดนมังกรรายงานว่า นอกจากผลขาดทุนสุทธิในไตรมาสแรกที่คิดเป็นเงินกว่า 3.5 หมื่นล้านบาทนั้น บริษัทมียอดขาดทุนสุทธิทั้งปี 2017 สูงถึง 4.39 หมื่นล้านหยวน หรือราว 2.2 แสนล้านบาท
แม้ว่าจะขาดทุนกระจุยกระจาย แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่าการขาย IPO ของ Xiaomi ที่ตลาดฮ่องกงจะคึกคัก เพราะ Xiaomi สามารถสร้างรายได้จากต่างประเทศ และเพิ่มการจัดส่งสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนหนึ่งที่ทำให้นักวิเคราะห์เชื่อเช่นนี้คือ Xiaomi เพิ่งก่อตั้งขึ้นเพียง 8 ปีที่ผ่านมา สามารถทำยอดขายที่ตั้งเป้าหมายไว้ 1 แสนล้านหยวนได้แล้วในปี 2017 สำหรับการเสนอขายหุ้นในตลาดหุ้นฮ่องกง คาดว่า Xiaomi จะระดมทุนได้มากกว่า 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และส่งให้ Xiaomi มีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 70,000-100,000 ล้านเหรียญ
ในหนังสือชี้ชวน Xiaomi ไม่ได้ให้ข้อมูลผลกำไรในช่วงไตรมาสที่แล้วเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ระบุว่ายอดจำหน่ายสมาร์ทโฟน Xiaomi เพิ่มขึ้น 88% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตที่แข็งแกร่งในต่างประเทศและในจีนบ้านเกิด ช่วยให้ Xiaomi สามารถสร้างรายได้ 34,000 ล้านหยวนในไตรมาสที่เพิ่งผ่านไป ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับยอดขายรวม 114,600 ล้านหยวนในทั้งปี 2017
รายได้จากต่างประเทศของ Xiaomi เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 12,500 ล้านหยวนในไตรมาสนี้ โดยพื้นที่ที่ Xiaomi บุกตลาดได้มากที่สุดคืออินเดีย
แม้ Xiaomi จะไม่ได้เปิดเผยเป้าหมายการระดมทุนหรือจำนวนหุ้นที่เสนอในการยื่นอย่างเป็นทางการ แต่การระดมทุนผ่าน IPO ของ Xiaomi ถูกมองว่าอาจเป็นรายการขาย IPO ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในรอบ 4 ปี ส่งผลบวกให้ดัชนีฮั่งเส็งเพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับช่วงปีที่ผ่านมา.