Domino’s แบรนด์ดังพิซซ่าประกาศว่า ได้เริ่มจ่ายเงินจ้างพนักงานก่อสร้างเพื่อซ่อมแซมหลุมบ่อในเมืองต่าง ๆ ทั่วสหรัฐอเมริกา เป้าหมายหลักที่แถลงออกมาคือ เพื่อปกป้องพิซซ่าไม่ให้ “เละ” ระหว่างจัดส่งเมนูโปรดถึงลูกค้า อย่างไรก็ตาม เซียนการตลาดฟันธงว่าโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์การตลาดพันธุ์ใหม่ที่กำลังมาแรง เพราะวันนี้หลายแบรนด์เริ่มหันมาดูแลรักษาสาธารณสมบัติซึ่งเคยเป็นหน้าที่หลักของรัฐบาลอเมริกันมากขึ้น
ประเด็นนี้มีเบื้องลึก เพราะภารกิจซ่อมถนนในอเมริกาของ Domino’s นั้นถูกมองว่าเกิดขึ้นในยุคที่ตัวเลขงบประมาณซ่อมสาธารณูปโภคของรัฐบาลอเมริกันนั้นมีสัดส่วนลดลงต่ำที่สุดในรอบหลาย 10 ปี โดยสัดส่วนนี้ถูกเทียบกับ GDP ของทั้งแดนลุงแซม
อย่างไรก็ตาม Domino’s ไม่แตะต้องประเด็นนี้ และข้ามไปบอกเพียงว่าเป้าหมายของการลงทุนนี้คือเพื่อปกป้องพิซซ่าจากการกระแทกเท่านั้น
*** อเมริกาหลุมเยอะ
Russell Weiner ประธาน Domino’s USA ระบุในแถลงการณ์ว่าบริษัทไม่ต้องการให้หลุมบ่อบนถนนทำร้ายพิซซ่ารสชาติเยี่ยมไป โดย Domino’s ได้เริ่มทำงานร่วมกับหลายเมืองแล้ว เช่น เมือง Burbank รัฐ California ที่มีหลุมใหญ่ 5 หลุม, เมือง Bartonville รัฐ Texas อีก 8 หลุม และที่หนักสุดคือเมือง Milford รัฐ Delaware ที่มีมากกว่า 40 หลุม ยังมีถนนอีกหลายสายใน Athens รัฐ Georgia ที่ Domino’s ที่ได้กลบหลุมไปมากถึง 150 แห่ง
แม้ Domino’s USA จะยืนยันในแถลงการณ์ว่า “Domino’s ให้ความสำคัญกับลูกค้าและพิซซ่ามากเกินกว่าจะยอมให้หลุมบ่อบนถนนทำร้ายพิซซ่ารสชาติเยี่ยม” แต่การเปิดเผยสถิตินี้ทำให้หน่วยงานภาครัฐได้รับผลกระทบ เพราะการซ่อมแซมถนนเหล่านี้โดยปกติจะเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล ซึ่งจะเบิกจ่ายจากภาษีและค่าผ่านทางของท้องถิ่นในแต่ละรัฐ ผลคือประชาชนเริ่มตระหนักว่างบใช้จ่ายด้านการก่อสร้างสาธารณูปโภคในระดับชาติถูกลดสัดส่วนลงต่ำสุดขีดในรอบหลายทศวรรษ
ไม่ว่าอย่างไร Eric Norenberg ผู้ว่าการเมือง Milford กล่าวว่ารู้สึกยินดีกับความพยายามของ Domino’s โดยยอมรับว่างบซ่อมแซมถนนในหลายเมืองได้รับการอนุมัติล่าช้าในวิกฤติฤดูหนาวที่รุนแรงกว่าปกติจนทำให้ถนนเสียหายหลายแห่ง ซึ่งโครงการของ Domino’s ถือเป็นโอกาสที่จะทำให้ชาวเมืองได้ประโยชน์มากขึ้นจากทรัพยากรที่จำกัด
*** กำลังเป็นเทรนด์
นอกจาก Domino’s ยังมีแบรนด์อื่นที่ยื่นมือเข้ามาสร้างคะแนนผ่านการให้บริการประชาชนอเมริกัน ประเด็นนี้ถูกมองเป็นเหรียญ 2 ด้าน ด้านหนึ่งสะท้อนว่าแบรนด์เข้าใจความเบื่อหน่ายของประชาชน แต่อีกด้านก็สะท้อนความเป็นจริงที่น่าเป็นห่วง เรื่องเมืองในสหรัฐอเมริกากำลังเผชิญกับภาวะรัฐบาลใช้จ่ายเงินเพื่อให้บริการประชาชนช้ากว่าที่ควรจะเป็น
นอกจากโครงการซ่อมแซมถนน บางแบรนด์หันไปที่การดูแลสุขภาพ การทำแคมเปญที่อยู่อาศัยราคาไม่แพง และการเป็นช่องทางเข้าถึงอาหารสด ซึ่งเทรนด์ที่เกิดขึ้นถือว่าสวนทางกับความคิดในอดีต ที่มองว่าเรื่องเหล่านี้ควรได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลมากกว่าบริษัท
ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ crowdfunding ชื่อ GofundMe ที่ทำแคมเปญช่วยชาวอเมริกันผู้ยากไร้ ที่ไม่สามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลหรือใบสั่งยาได้ ยังมีบริษัท Alphabet ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google ที่กำลังพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยราคาไม่แพง บนความหวังเพื่อบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยของชาวอเมริกันบางส่วน จุดนี้ข้อมูลระบุว่าตั้งแต่ปี 2008 เจ้าพ่อเสิร์ชยักษ์ใหญ่ได้จัดหาเงินทุนหลายร้อยล้านดอลลาร์ สำหรับโครงการบ้านจัดสรรเพื่อผู้มีรายได้ต่ำหลายแห่งในรัฐ California และ Midwest ซึ่งสามารถช่วยพนักงานของบริษัทได้เต็มที่
ยังไม่นับแบรนด์ใหญ่อย่าง Starbucks, Panera Bread และ Target ได้เริ่มโครงการบริจาคสินค้าส่วนเกินให้กับผู้คนในท้องถิ่น ซึ่งคาดว่าเทรนด์การตลาดแบบอิงสาธารณูปโภคเช่นนี้จะยังขยายตัวอย่างยั่งยืนไปอีกนาน.
ที่มา : http://www.businessinsider.com/dominos-repairing-roads-revealing-troubling-trend-in-spending-2018-6