Domino’s แบรนด์พิซซ่าหัวก้าวหน้าประกาศสร้างจุดกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ต หรือ hotspot กว่า 150,000 จุดที่ไม่มีเลขที่บ้าน หรือที่อยู่ชัดเจน เพื่อให้ลูกค้าสามารถสั่งและรับพิซซ่าได้เกือบทุกที่ที่ต้องการ สื่อชื่นชมว่าเป็นการผ่าทางตันให้ธุรกิจส่งพิซซ่าของบริษัทมีหนทางขยายได้อีก
ในพื้นที่ที่ติดตั้งจุดกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตของ Domino’s จำนวน 150,000 แห่งนั้นประกอบด้วยพื้นที่สวนสาธารณะ สนามกีฬา และชายหาด โดยการพิจารณาพื้นที่เพื่อติดตั้งจุดกระจายสัญญาณ นั้นเป็นการร่วมมือกันระหว่างเครือข่ายร้าน Domino’s จำนวนกว่า 5,200 แห่งทั่วสหรัฐฯ ที่จะเลือกว่าจุด hotspots ใดสามารถให้บริการตอบสนองลูกค้าได้รวดเร็ว
จุดกระจายสัญญาณของ Domino จะให้บริการสั่งซื้อและเติมเงินแบบออนไลน์ผ่าน dominos.com และแอปพลิเคชั่นบนอุปกรณ์เคลื่อนที่เท่านั้น เมื่อระบบสามารถวิเคราะห์สถานที่อยู่ของลูกค้าได้แล้ว ระบบ hotspot ของ Domino’s จะพิจารณาจุดเชื่อมต่อกับร้านสาขาในพื้นที่ และจะแสดงรายการร้านที่พร้อมให้บริการบนแผนที่เพื่อให้ลูกค้าเลือก
ด้วยความที่ผู้ใช้ไม่สามารถบอกเลขที่บ้าน ก่อนเช็กเอาต์ออกจากระบบ Domino’s ออกแบบให้ลูกค้าสามารถบอกคำแนะนำเพื่อช่วยให้พนักงานส่งพิซซ่าสามารถหาตัวผู้รับได้ง่ายขึ้น โดยข้อความตัวอักษรจะแจ้งเตือนที่สมาร์ทโฟนของลูกค้า ถึงสถานะการจัดส่งในแต่ละขั้น ในช่วงหลังจากการสั่งซื้อเสร็จสิ้นแล้ว
ลูกค้า Domino’s ในสหรัฐฯ สามารถหาตำแหน่งที่ตั้งของ hotspot ใกล้ตัวได้โดยไปที่หน้า locator บนเว็บไซต์ dominos.com
สิ่งที่เราสามารถสรุปได้จากก้าวใหม่นี้ของ Domino’s คือการสั่งซื้อบนมือถือกำลังได้รับความนิยมสูงมาก จนเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับการเข้าถึงผู้บริโภคที่ใช้สมาร์ทโฟนเพื่อรับความสะดวกสบาย โดยที่ผ่านมา ไม่เพียง Domino’s แต่แบรนด์อื่นก็มีข่าวว่ากำลังลงทุนระบบเพื่อเพิ่มความสะดวกในการสั่งสินค้าด้วยอุปกรณ์มือถือเช่นกัน
ตัวอย่างเช่น ระบบสั่งซื้อโดนัทด้วยเสียงของ Dunkin’ Donuts หรือ Starbucks ที่พัฒนาระบบสั่งกาแฟและชำระเงินเรียบร้อยผ่านสมาร์ทโฟน
กรณีของ Domino’s การเปิดจุดกระจายสัญญาณถือเป็นวิธีที่ชาญฉลาด เพราะสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีระบุพิกัดตำแหน่งบนมือถือ เพื่อช่วยให้การกำหนดสถานที่สำหรับการจัดส่งในพื้นที่สาธารณะ ขณะเดียวกันก็เสริมแกร่งธุรกิจสั่งซื้อพิซซ่าทางโทรศัพท์มือถือและออนไลน์ได้อีก ซึ่งข้อมูลจากที่ลูกค้าเคยสั่งพิซซ่าให้ส่งที่สถานที่กลางแจ้ง จะถูกนำมาใช้ประโยชน์ได้อีกโดยไม่ต้องสับสนและเสียเวลา ทั้งหมดนี้ถือเป็นการขยายผลจากที่ Domino’s ทดสอบไอเดียติด hotspot ครั้งแรกในไมอามีสำเร็จตั้งแต่ปีที่แล้ว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Domino’s พัฒนาระบบไฮเทคเพื่อการสั่งซื้อพิซซ่า ก่อนหน้านี้ Domino’s เปิดตัวบริการ “pizza tracker” ในปี 2008 เพื่อให้ลูกค้าติดตามความคืบหน้าการสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ละเอียด ล่าสุดคือปีนี้ Domino’s เริ่มทดสอบบริการจัดส่งด้วยรถขับเคลื่อนตัวเองในไมอามี ซึ่งเป็นโครงการนำร่องที่มี Ford Motor เป็นพันธมิตร การทดสอบประเดิมที่เมือง Ann Arbor เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Domino’s พยายามพลิกฟื้นบริษัทในปี 2009 หลังจากที่ลูกค้าหลายเสียงบอกว่าพิซซ่าของ Domino’s นั้นแข็งเหมือนกระดาษ สูตรทำพิซซ่าของ Domino’s จึงถูกปรับใหม่พร้อมกับที่ CEO อย่าง Patrick Doyle ให้ความสำคัญกับการตลาดและการสัมภาษณ์ ซึ่งบทสัมภาษณ์สุดฮือฮาคือการยอมรับว่าพิซซ่าของ Domino’s นั้นไม่อร่อยจริง
แต่ Domino’s ไม่ยอมแพ้ และปรับปรุงจนขณะนี้สามารถประกาศได้ว่าตัวเองเป็นบริษัทพิซซ่ารายใหญ่ที่สุดในโลก ยอดขายทั่วโลกสูงถึง 1.22 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี 2017 ที่ผ่านมา แซงหน้า Pizza Hut ซึ่งมีมูลค่ายอดขาย 1.20 หมื่นล้านดอลลาร์.