เมื่อเสริมสุข… (ไม่) สุขอย่างคิด

ถือเป็นธรรมเนียมปีละครั้งที่ สมชาย บุลสุข ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) จะออกมาพบปะสื่อมวลชน เพื่อแถลงนโยบายและทิศทางการดำเนินธุรกิจ และปีนี้พาผู้สื่อข่าวไปแถลงข่าวถึงเกาะเสม็ด

ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ของหาดทราย สายลม แต่ดูเหมือนว่าเนื้อหาที่ในงานแถลงจะไม่เหมือนบรรยากาศ เป็นเพราะปีนี้ที่เสริมสุขเจอกับพายุลูกใหญ่ทั้งเรื่องเศรษฐกิจและการเมืองไทยที่ยังไม่นิ่ง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง แม้จะมีสัญญาณดีให้เห็นอยู่บ้างกับตัวเลขผลประกอบการไตรมาสแรกมีผลกำไรเพิ่มขึ้น 34% เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนก็ตาม

เมื่อย้อนกลับไปดูผลประกอบการปี2551 พบว่า แม้จะมีรายได้จากการขายเกือบ20,000 ล้านบาท แต่กลับมีกำไรสุทธิ 139.6ล้านบาท น้อยกว่ากำไรสุทธิของปี 2550 ถึง 191.1 ล้านบาท กำไรที่ลดต่ำขนาดนี้ เป็นตัวเลขที่ไม่เป็นผลดีบอกถึงสถานการณ์ของธุรกิจ กับปัญหาต้นทุนสูงขึ้นรวมถึงปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่ไม่เป็นใจเอาเสียเลย

กำไรของเสริมสุขในปีที่แล้วหดหายไปถึง 58% โดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 400 ล้านบาท ทั้งราคาน้ำตาลที่เพิ่มขึ้น 34% ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 20% ของต้นทุนการผลิต ยังต้องเจอปัญหาราคาน้ำมันที่ผันผวนตลอดปี และข้อบังคับของภาครัฐ กำหนดให้นำระเบียบสรรพสามิตมาใช้กับสินค้าฟุ่มเฟือย ทำให้ต้องเครื่องดื่มน้ำอัดลมต้องเสียภาษีเต็มเพดานอยู่ที่ 22%

เมื่อปัจจัยภายนอกมิอาจควบคุมได้ ดังนั้นทิศทางในปีนี้จึงต้องหันมามุ่งเน้นการปรับองค์กรภายใน ลดไขมัน ทำองค์กรให้กระชับ นำระบบลอจิสติกส์ใหม่มาใช้ ซึ่งมีโปรแกรม GPS เข้ามาช่วยวิเคราะห์เส้นทางของหน่วยรถ ซึ่งเห็นผลมาแล้ว จากการลดการใช้นำมันได้ถึง 3 แสนลิตรเมื่อปีที่แล้ว

แม้จะไม่มีนโยบายปลดพนักงาน แต่ก็ไม่รับคนเพิ่ม หากมีพนักงานลาออกจะใช้คนที่มีอยู่ทำแทน โดยพนักงานต้องฝึกอบรมเพิ่มความรู้ และทักษะต่างๆ เพื่อต่อยอดทางการตลาด และขาย รอวันเศรษฐกิจฟื้นตัว จะพร้อมสำหรับการแข่งขันรอบใหม่ที่จะมาถึง

ถึงต้องรัดเข็มขัดแค่ไหน แต่เสริมสุข ก็ยอมทุ่มงบ 1,150 ล้านบาท ปรับปรุงการการออกบรรจุภัณฑ์ขนาดใหม่ เพิ่ม Product Portfolio ของสินค้าให้ครบยิ่งขึ้น เช่น เป๊ปซี่ 480 มล. ลิปตัน และมิรินด้า 6.5 ออนซ์ ตลอดจนปรับขนาดของขวด PET ให้เป็น Multi-serve เน้นความคุ้มค่าและความสะดวกสบายที่โดนใจกลุ่มเป้าหมายรุ่นใหม่และนักเดินทางมากขึ้น

“เราเพิ่มการลงทุนจากปีที่แล้วเป็นเท่าตัว แบ่งเป็นงบลงทุนปกติในแต่ละปี 600 ล้านบาท ส่วนอีก 550 ล้านบาท ลงทุนตั้งสายพานการผลิตขวด PET เพื่อรองรับยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากบรรจุภัณฑ์ประเภทนี้ และเตรียมพร้อมเศรษฐกิจที่จะฝืนตัวในอีก 7-8 เดือนข้างหน้า”

แม้ว่าจะต้องประสบกับปัญหาต้นทุนที่รุมเร้า แต่ “สมชาย” ยังเชื่อว่า เสริมสุขจะผ่านพ้นวิกฤตรอบนี้ไปได้ เขาก็หวังว่า “ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ”

ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2552
รายได้ลดลง 11 ล้านบาท
ไตรมาส 1 ปี 2551 รายได้ 5043 ล้านบาท
ไตรมาส 1 ปี 2552 รายได้ 5032 ล้านบาท
กำไรเพิ่มขึ้น 31 ล้านบาท
ไตรมาส 1 ปี 2551 กำไร 92 ล้านบาท
ไตรมาส 1 ปี 2552 กำไร 123 ล้านบาท
ต้นทุนลดลง 34 ล้านบาท
ไตรมาส 1 ปี 2551 ต้นทุน 4934 ล้านบาท
ไตรมาส 1 ปี 2552 ต้นทุน 4900 ล้านบาท

สัดส่วนรายได้รวม 19,420 ล้านบาท ปี 2551
กลุ่มเครื่องดื่มอัดลม 75%
กลุ่มเครื่องดื่มไม่อัดลม 25%