กูเกิลเตรียมทุ่มเงิน 550 ล้านเหรียญฯ เข้าซื้อหุ้น JD.com ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบค้าปลีกและขนส่ง เน้นถ่ายทอดประสบการณ์–เทคโนโลยีจากจีน เพื่อรุกตลาดยุโรป สหรัฐฯ และอาเซียน
กูเกิลพยายามรุกเข้าไปในตลาดจีนมากขึ้น โดยล่าสุดวานนี้ (18 มิ.ย.) มีรายงานว่ายักษ์ใหญ่ด้านไอทีจากสหรัฐฯ ได้ตกลงเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับ เจดี ดอท คอม (JD.com) ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซจากจีน โดยกูเกิลจะเข้าไปซื้อหุ้นของเจดีคิดเป็นมูลค่า 550 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 18,000 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้กูเกิลได้เข้าไปลงทุนในจีนด้วยการออกสินค้าใหม่ และเปิดออฟฟิศ รวมไปถึงศูนย์ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ)
ทั้งนี้ในแถลงการณ์ร่วมทั้งสองบริษัทเปิดเผยว่า พวกเขาจะร่วมมือกันริเริ่มกลยุทธ์หลายอย่าง รวมไปถึงร่วมมือกันพัฒนาระบบค้าปลีกในยุโรป สหรัฐฯ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เป้าหมายของความร่วมมือครั้งนี้คือ การผสานเอาประสบการณ์และเทคโนโลยีของเจดีในส่วนของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) กับการขนส่งในประเทศจีน ซึ่งปัจจุบันในคลังและศูนย์กระจายสินค้าของเจดีนั้นใช้หุ่นยนต์ทำงานมากกว่าใช้มนุษย์ เข้ากับการเข้าถึงลูกค้า การเก็บข้อมูล และการทำการตลาด ของกูเกิล เพื่อยกระดับการค้าปลีกผ่านโลกออนไลน์ไปอีกระดับ
เดิมทีความร่วมมือระหว่างสองยักษ์ใหญ่จะเป็นเพียงการเปิดทางให้เจดีนำสินค้าไปขายบนแพลตฟอร์มช้อปปิ้งของกูเกิลได้ทั่วโลก แต่ ณ ตอนนี้เริ่มชัดเจนแล้วว่าทั้งสองบริษัทมีแผนการเกี่ยวกับความร่วมมืออื่น ๆ ในใจในอนาคตด้วย
ปัจจุบัน หากประเมินมูลค่าหุ้นในตลาดแนสแด็ก JD.com มีมูลค่าราว 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.96 ล้านล้านบาท) โดยบริษัทได้ความร่วมมือกับห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่อย่างวอลล์มาร์ท ทั้งยังลงทุนมหาศาลในส่วนของเทคโนโลยีคลังสินค้าอัตโนมัติ โดรน และระบบการค้าปลีก–การขนส่งเพื่อรองรับการค้าในอนาคต
การเข้าไปถือหุ้นใน บ.อีคอมเมิร์ซ อย่าง เจดี ดอท คอม ของกูเกิลในครั้งนี้ ถือว่าเป็น “จุดเปลี่ยน” ของยุทธศาสตร์ทางธุรกิจครั้งสำคัญ จากเดิมกูเกิลนั้นขึ้นชื่อในการทำเงินจากระบบค้นหา และโฆษณาเป็นหลัก นอกจากนี้การเข้าไปเป็นหุ้นส่วนในเจดี ดอท คอม ยังเกี่ยวพันกับเทนเซ็นต์ ผู้สนับสนุนหลักของเจดี ซึ่งปัจจุบันเทนเซ็นต์มีมูลค่าบริษัทราว 5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 16 ล้านล้านบาท) ในขณะเดียวกันทั้งสามบริษัทก็เข้าไปหนุน Go-Jek สตาร์ทอัพดาวรุ่นจากอินโดนีเซียด้วย
สำหรับในไทยนั้น เจดี ดอท คอม ได้ร่วมทุนกับกลุ่มเซ็นทรัล จัดตั้ง เจดี เซ็นทรัล โดยใช้เงินลงทุนเบื้องต้นสร้างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ JD.co.th เพื่อต้องให้ไทยเป็นศูนย์กลางในธุรกิจอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และในภูมิภาคอื่นๆ
ในขณะที่กลุ่มเซ็นทรัล ก็ต้องการขยายไปสู่ช่องทางการขายออมนิชาแนล คือการผนวกออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกัน ซึ่งกลุ่มเซ็นทรัลวางเป้าหมายในการสร้างยอดขายผ่านออนไลน์ 15% ของยอดขายรวม.