เรื่องวุ่นๆ ของลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก 2018 ระหว่างทรูวิชั่นส์ และเอไอเอสยังเคลียร์กันไม่จบ กรณีแอปพลิเคชั่น AIS Play ไม่สามารถเกี่ยวสัญญาณถ่ายทอดสดบอลโลกจาก 3 ช่องทีวีดิจิทัลได้ โดยที่ทั้ง 2 บริษัทยังอยู่ในช่วงการไต่สวนที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง
แต่กำลังมีปัญหาใหม่ตามมา กรณีถ่ายทอดสด “กีฬาเอเชียนเกมส์” มหกรรมกีฬาใหญ่ที่สุดของชาวเอเชียกำลังจะเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคมนี้
กีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 18 จะจัดขึ้นที่เมืองจาการ์ตา และเมืองปาเล็มบัง ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 18 สิงหาคม ถึง 2 กันยายนนี้ สำหรับลิขสิทธิ์ในประเทศไทยนั้น เวิร์คพอยท์คว้าลิขสิทธิ์มาเพียงช่องเดียวเป็นครั้งแรก
ในอดีตที่ผ่านมา ลิขสิทธิ์ของกีฬาเอเชียนเกมส์และกีฬาสำคัญจะอยู่ในมือของ โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย หรือ ทีวีพูล ที่มีช่องทีวีสมาชิกคือช่องหลักที่เป็นช่องแอนะล็อกเดิมทั้งหมด และเวียนการถ่ายทอดสดไปหลายช่อง แต่เมื่อถึงยุค “ทีวีดิจิทัล” เข้ามาแทนที่ช่องแอนะล็อกเดิม ด้วยจำนวนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ช่องทีวีรายใหม่ๆ ได้เข้าไปซื้อลิขสิทธิ์รายการกีฬาสำคัญของประเทศมากขึ้น บทบาทของทีวีพูลก็ค่อยๆ ลดลง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกีฬาเอเชียนเกมส์เป็นหนึ่งใน 7 ประเภทกีฬาที่ประกอบด้วย กีฬาซีเกมส์, เอเชียนเกมส์, กีฬาโอลิมปิก ที่รวมถึงพาราเกมส์ และการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ที่ระบุไว้ในกฎ Must Have ของ กสทช.ว่าจะต้องออกอากาศผ่านฟรีทีวี แม้ว่าเวิร์คพอยท์ในฐานะฟรีทีวีจะได้ลิขสิทธิ์ไปแล้วก็ตาม
แต่กีฬาเอเชียนเกมส์มีการแข่งขันถึง 40 ชนิดกีฬา รวมทั้งหมด 463 เกมการแข่งขัน มีนักกีฬาจาก 45 ประเทศในเอเชียเข้าร่วมแข่งขัน และทัพนักกีฬาไทยส่งเข้าไปแข่งขันมากถึง 913 คน ดังนั้นการถ่ายทอดสดเพียงช่องเดียวจึงไม่สามารถครอบคลุมได้ทั้งหมด โดยเฉพาะในการแข่งขันของนักกีฬาไทย
วัตถุประสงค์ของกฎ Must Have คือ หากมีนักกีฬาไทยเข้าร่วมการแข่งขันในแต่ละประเภทกีฬา จะต้องถ่ายทอดแมตช์สำคัญที่นักกีฬาไทยทำการแข่งขันในแต่ละประเภทกีฬาด้วย อาจจะไม่ทุกแมตช์ โดยต้องเสนอผังรายการและการถ่ายทอดสดให้ กสทช.พิจารณาก่อน
เวิร์คพอยท์ จึงได้ทำหนังสือแจ้งไปยัง กสทช.ว่า ได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดเอเชียนเกมส์ ทุกช่องทาง ทั้งทีวีดิจิทัล ผ่านช่องทางออนไลน์ เฟซบุ๊กของเวิร์คพอยท์และเพจรายการ ช่อง Youtube Workpoint Official, ไลน์ Workpoint Official Account และเว็บไซต์–แอปพลิเคชั่นของเวิร์คพอยท์
เรียกว่าจัดหนัก จัดเต็มทุกช่องทางไว้รองรับการแข่งขัน เพราะว่ากีฬาถือเป็นคอนเทนต์ที่เรียกคนดู เพิ่มเรตติ้งของช่องซึ่งเวลานี้อยู่อันดับ 4 ให้สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม บอร์ด กสทช.ยังไม่เห็นด้วย และมีความเห็นว่า ควรจะต้องเจรจาหาพาร์ตเนอร์ช่องทีวีดิจิทัลช่องอื่นๆ เข้ามาร่วมในการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาด้วย เพราะนักกีฬาไทยอาจจะมีตารางแข่งขันตรงกัน โดยเฉพาะกีฬาที่ได้รับความนิยมสูง
ทางออกของเวิร์คพอยท์ จึงหาพาร์ตเนอร์ช่องทีวีดิจิทัล โดยเล็งไปที่ช่องขนาดเล็กของรัฐ เช่นไทยพีบีเอส, ช่อง 5 และ NBT ไม่จับมือกับช่องใหญ่ ซึ่งเป็นคู่แข่งโดยตรง แต่ยังไม่มีข้อสรุป
ขณะเดียวกัน ต้องรอดูผลการตัดสินของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางด้วยว่า หาก AIS Play แอปพลิเคชั่นบนมือถือมีสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ตามกฎ Must carry ตามที่อ้างได้ จะส่งผลกระทบกับลิขสิทธิ์อย่างเอเชียนเกมส์ ที่เวิร์คพอยท์ได้ลิขสิทธิ์ด้วยเช่นกัน เพราะจะเป็นบรรทัดฐานที่จะนำมาใช้ในการถ่ายทอดสดกีฬาผ่านแอปพลิเคชั่นเหล่านี้.