ทรูวิชั่นส์ พร้อมเจรจาเฟซบุ๊ก ยิงพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลหน้า

หลังจากที่เฟซบุ๊ก (Facebook) ทุ่มเงิน 200 ล้านปอนด์ (8.8 พันล้านบาท) คว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลหน้า ปี 2019/20-2021/22 รวมการแข่งขัน 380 แมตช์ต่อซีซัน ครอบคลุมประเทศไทย, เวียดนาม, กัมพูชา และลาว เฉือนเอาชนะ “บีอิน สปอร์ตส์ (BeIN Sports)” ผู้ถือลิขสิทธิ์ปัจจุบัน และ Fox Sports Asia 

ทางด้าน ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ฤดูกาลปัจจุบัน ออกมาเปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าว โดย ศึกษิฐ ชลศึกษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ทรูวิชั่นส์ กำลังรอข้อมูลที่ชัดเจน ยินดีจะเจรจากับเฟซบุ๊กต่อไปอย่างแน่นอน

ก่อนหน้านี้ ในการประมูลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก ปี 2016/17 -2018/19 ทรูวิชั่นส์ได้เข้าประมูล แต่ถูกบีอิน สปอร์ตส์ เฉือนเอาชนะคว้าลิขสิทธิ์ออกอากาศในไทย ด้วยเม็ดเงิน 300 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 9,900 ล้านบาท)

ทำให้ทรูวิชั่นส์จึงซื้อลิขสิทธิ์ต่อจากบีอิน สปอร์ตส์มาถ่ายทอดสดอีกที สัญญา 3 ปีเต็ม ในการถ่ายทอดฤดูกาล ปี 2016/17 จนถึงปี 2018/19 ครบ 380 แมตช์ ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เพราะถือเป็นพันธมิตรกันมานาน และการซื้อลิขสิทธิ์ของทรู ยังครอบคลุมไปถึงรายการฟุตบอลต่างประเทศอื่นด้วย

นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผ่านมา ที่ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในไทยต้องตกไปอยู่ในมือของกลุ่มทุนต่างชาติ หลังจากลิขสิทธิ์เคยอยู่กับผู้ประกอบการเพย์ทีวีของไทย อย่าง “ทรูวิชั่นส์” มาเป็นเวลานานสิบกว่าปี นับตั้งแต่มีการผนวกกิจการระหว่าง ยูบีซี (ทรูวิชั่นส์เดิม) และไอบีซี (อดีตบริษัทเพย์ทีวีของกลุ่มชินคอร์ป)

จนกระทั่ง CTH ที่ต้องแจ้งเกิดในธุรกิจทีวีดาวเทียม จึงทุ่มประมูล คว้าลิขสิทธิ์ ในฤดูกาล 2013-2016 ถึง 350 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 11,600 ล้านบาท แต่ต้องปิดตัวไปในที่สุด เพราะเดินเกมธุรกิจผิดพลาด

ล่าสุดลิขสิทธิ์ตกไปอยู่ในมือของเฟซบุ๊ก

ทำให้ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จึงต้องออกมาตอกย้ำถึงสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2018-2019 อย่างต่อเนื่อง ดูได้ครบ 380 แมตช์ ทั้งบนหน้าจอทีวี และบนมือถือ ผ่านแอปทรูไอดี เริ่มเปิดฤดูกาล คืนวันที่ 10 ส.ค. นี้ ในคืนวันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม เวลา 02.00 น. (เช้าวันเสาร์ ที่ 11 ส.ค.) แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบ เลสเตอร์ ซิตี้

นอกจากนี้ยังมีฟุตบอลดังระดับโลกให้ดูได้ตลอดทั้งปี เช่น ลาลีก้า สเปน, กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี, ลีก เอิง ฝรั่งเศส, บุนเดสลีก้า เยอรมัน, เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์, เอเรดิวิซี่ ลีก), พร็อกซิมัส เบลเยียม ลีก และ เจ 1 ลีก รวม 1,500 แมตช์ รวมกว่า 1,500 แมตช์ รวมถึงรายการฟุตบอล โตโยต้า ไทยลีก ซึ่งทรูวิชั่นส์ยังได้คว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดให้รับชมต่ออีก 2 ฤดูกาล

รวมถึงกีฬาประเภทอื่น เช่น เทนนิสแกรนด์สแลมรายการใหญ่, กอล์ฟเมเจอร์รายการใหญ่, ฟอร์มูล่าวัน, โมโตจีพี, บาสเกตบอลเอ็นบีเอ, แบดมินตัน, วอลเล่ย์บอล, สนุกเกอร์ ตลอด 24 ชม. ผ่าน 24 ช่องกีฬา เอชดี 16 ช่อง

ทรูวิชั่นส์ ต้องออกมาตอกย้ำสิทธิ์การถ่ายทอดดังกล่าว เนื่องจาก “กีฬา” ถือเป็นหนึ่งในคอนเทนต์หลักของธุกริจเพย์ทีวี ที่ใช้ดึงดูดคนดูให้มาสมัครสมาชิก ควบคู่ไปกับความคมชัดของภาพ มาใช้ในการออกอากาศ ผ่านช่องที่นำมาออกอากาศโดยเฉพาะ เพื่อเรียกคนดู พร้อมกับแพ็กเกจราคาพิเศษ เพื่อจับลูกค้าที่ชื่นชอบกีฬาโดยเฉพาะ.