ต้นสังกัด Muji ทำกำไรนิวไฮ เตรียมลุยจีนและขยายตลาดสวิส

เครือข่ายค้าปลีกสัญชาติญี่ปุ่น Muji อนาคตสดใส อานิสงส์จากยอดขายเข้มแข็งในญี่ปุ่นและอีกหลายตลาดในเอเชียแปซิฟิก ส่งผลให้เจ้าของ Muji อย่างบริษัท Ryohin Keikaku ประกาศเมื่อเดือน .ที่ผ่านมาว่า ทำรายได้สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยยืนยันว่าแผนต่อไปของ Muji คือการลงทุนเพิ่มในจีนและการขยายฐานตลาดในสวิตเซอร์แลนด์

เพราะยอดขายแข็งแกร่งในญี่ปุ่นและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท Ryohin Keikaku จึงสามารถทำยอดขายในช่วงไตรมาสแรก (ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม) มากกว่า 106,500 ล้านเยน (963.5 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือประมาณ 31,593 ล้านบาท รายได้จากการดำเนินงานนี้เพิ่มขึ้น 9.7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว กำไรสุทธิที่ 9,500 ล้านเยน (ราว 2,810 ล้านบาท) ถือเป็นกำไรสูงสุดที่บริษัทไม่เคยทำได้มาก่อน

Satoru Matsuzaki ประธานบริษัทต้นสังกัด Muji มั่นใจว่าบริษัทกำลังจะมีกำไรในตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นในปีนี้ โดยปัจจุบันกำไรของบริษัทในตลาดญี่ปุ่นคิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 1% ในไตรมาสที่ผ่านมา ขณะที่ในประเทศอื่นแถบเอเชียตะวันออก บริษัทสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้น 36% เป็นประมาณ 4,400 ล้านเยน

กำไรต่างประเทศขยายตัว

Matsuzaki คาดว่ายอดขายของบริษัทจะขยายตัวในตลาดต่างประเทศได้ดีกว่าในตลาดญี่ปุ่น ซึ่งมีร้านค้าจำนวนมาก แต่จำนวนประชากรกำลังอยู่ในภาวะลดลง

จุดนี้ ต้นสังกัด Muji ยอมรับว่ารายได้จากต่างประเทศในปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากการแข็งตัวของค่าเงินเยน แต่บริษัทมีมาตรการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอยู่แล้ว โดยแผนนี้รองรับได้ระยะยาวตลอดช่วง 3 ปีข้างหน้า

Matsuzaki ย้ำว่าตลาดที่บริษัทมองเห็นอนาคตสดใส คือตลาดจีน เห็นได้ชัดจากตัวเลขยอดขายในประเทศจีนที่เพิ่มขึ้น จนครองพื้นที่ 17% ของรายได้จากการดำเนินงานทั้งหมดของบริษัทในไตรมาสที่ผ่านมา ถือเป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุดรองจากตลาดญี่ปุ่น ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 65%

ต้นสังกัด Muji จึงกำลังเดินหน้าเพิ่มการลงทุนในจีนให้มากขึ้น ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดทำการโรงแรมแห่งที่ 2 ในกรุงปักกิ่งเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2018 และได้ประกาศนโยบายว่าจะเริ่มเปิดสายการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในประเทศจีนตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป โดยที่ผ่านมา การออกแบบผลิตภัณฑ์และร้านค้าแบรนด์ Muji นั้นถูกควบคุมโดยทีมโตเกียวเท่านั้น

ไม่ใช่ทีมโตเกียวล้วนอีกต่อไป

Matsuzaki ให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดการเปิดฐานพัฒนาผลิตภัณฑ์ในจีนว่าเกิดขึ้นเพราะบริษัทต้องการขายสินค้าที่เหมาะสมกับผู้บริโภคชาวจีน โดยยกตัวอย่างถึงขวดน้ำ Muji ที่ลูกค้าชาวจีนแสดงความเห็นว่ามีขนาดเล็กเกินไป

ในขณะที่หลายแบรนด์ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ Matsuzaki กล่าวว่าตัวเขาไม่เห็นผลกระทบในปีงบประมาณปัจจุบัน มีเพียงการลดภาษีของฝั่งรัฐบาลจีนที่จะส่งผลดีต่อบริษัท คาดว่าพฤติกรรมการบริโภคของลูกค้าระดับบนถึงกลาง (upper to middle class customer) อาจได้รับผลกระทบเมื่อราคาหุ้นลดลง

สำหรับตลาดญี่ปุ่น ต้นสังกัด Muji ชี้ว่าการลดราคาของ Muji เนื่องจากการแข็งค่าของเงินเยนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีผลทำให้ยอดขาย Muji เพิ่มขึ้น ทั้งหมดนี้ Muji ยืนยันจะเน้นแนวทางการกำหนดราคาที่ยุติธรรมต่อไป เนื่องจากแบรนด์ยึดแนวทางนี้เป็นหัวใจหลักนับตั้งแต่เริ่มกิจการในปี 1980 โดยขณะนี้ บริษัทกำลังประเมินราคาสินค้าใหม่ในทุกตลาดทั่วโลก คาดว่าราคาสินค้า Muji ที่จำหน่ายในญี่ปุ่นเกิน 200 ชิ้นจะลดลง ตลอดช่วงปลายปีนี้

อย่างไรก็ตาม ยุโรปและอเมริกาเหนือเป็นพื้นที่ที่ Muji กำลังต้องดิ้นรนสุดกำลัง เพราะตลาดนี้ทำให้บริษัทติดตัวแดงขาดทุน 273 ล้านเยนในไตรมาสล่าสุด (ราว 80 ล้านบาท) แต่ต้นสังกัด Muji ไม่ยอมแพ้ และกำลังมองหาหนทางขยายเครือข่ายร้านค้าในตลาดตะวันตก โดยเตรียมการจัดตั้งสำนักงานในสวิตเซอร์แลนด์ และเปิดร้านสาขาในแดนนาฬิกาช้วงปีหน้า 2019.

ที่มาhttps://asia.nikkei.com/Business/Companies/Muji-owner-makes-record-profit-in-first-quarter