MUJI (มูจิ) แบรนด์ไลฟ์สไตล์สัญชาติญี่ปุ่น ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญในประเทศไทย เปิดตัว “MUJI Central World Flagship Store” สาขาที่ 40 บนพื้นที่กว่า 3,700 ตารางเมตร ตอกย้ำการเป็นตลาดเบอร์ 1 ในอาเซียน และเป็นตลาดที่มีความสำคัญสูงสุดลำดับต้นๆ ของโลก เคียงคู่กับจีน ไต้หวัน และเกาหลี
ซาโตชิ ชิมิซุ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้แทน บริษัท เรียวฮิน เคอิคะคุ จำกัด เปิดเผยว่า
“ประเทศไทยมีความพร้อมในหลายด้าน ทั้งวัฒนธรรมและศักยภาพทางเศรษฐกิจ ทำให้ไทยกลายเป็นหัวใจสำคัญในการเติบโตของ MUJI ในระดับสากล ปัจจุบันไทยมีจำนวนสาขาถึง 40 แห่ง (รวมในต่างจังหวัด 10 แห่ง) มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในอาเซียน และเป็นอันดับ 4 ในเอเชีย รองจากญี่ปุ่น จีน และไต้หวัน โดยเป้าหมายในอนาคตคือการทำให้ไทยเป็นโมเดลความสำเร็จ ก่อนจะต่อยอดไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค”
เปิดแผน 5 ปี อัด 20 สาขาใหม่
MUJI ตั้งเป้าเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ 10% ต่อปี โดยมีแผนระยะกลาง 5 ปี (พ.ศ. 2569 – 2573) ในการเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 20 แห่ง เน้นพื้นที่ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ขนาด 1,200-1,500 ตารางเมตร เพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอในการจัดวางสินค้าให้ครบทุกหมวดหมู่
เตรียมบุกตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น เพื่อขยายการรับรู้แบรนด์ จากเดิมที่คนไทยรู้จักมูจิเพียงกลุ่มเครื่องเขียน ให้เข้าถึงกลุ่มแฟชั่น ของใช้ในบ้าน และอาหารมากขึ้น
ปัจจุบันไทยนำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่นมาแล้ว 71% และตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 80% ภายในปีหน้า โดยไฮไลต์คือกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม (Health & Beauty) อาทิ น้ำหอม แชมพู และสกินแคร์กลุ่มลดริ้วรอย ที่เตรียมเปิดตัวในเดือนเมษายน 2569
Flagship Store ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน
สำหรับการเปิดแฟลกชิปสโตร์ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ถือเป็นก้าวสำคัญด้วยพื้นที่ขายกว่า 3,200 ตารางเมตร ซึ่งใหญ่กว่าแฟลกชิปสโตร์ในจีนหลายแห่ง โดยเน้นการสร้างประสบการณ์ผ่านการบริการและการจัดวางสินค้าแบบใหม่
โดยที่มีพื้นที่สร้างสรรค์ และนิทรรศการครั้งแรกในไทย ตามแบบฉบับ MUJI Ginza พร้อมกับมีการพัฒนาสินค้าเฉพาะในประเทศไทย (Local Development) โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารและของใช้ที่ตรงกับวิถีชีวิตคนไทย เพื่อสร้างความแตกต่างและโดดเด่นจากคู่แข่งในตลาด
สัดส่วนยอดขายปัจจุบัน แบ่งเป็น เครื่องแต่งกาย 49% ของใช้ในบ้าน 47% และอาหาร 4% โดยกลุ่มสินค้าที่คาดว่าจะเติบโตมากที่สุดหลังการเปิดตัวแฟลกชิปสโตร์สาขานี้ คือ เครื่องแต่งกาย โดยเฉพาะเสื้อผ้าคอตตอน และเสื้อผ้าลินินที่เป็นกลุ่มสินค้าหลักของมูจิ ตามด้วยกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม อาทิ ผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายและผลิตภัณฑ์เครื่องหอม ขณะที่หมวดขนมและอาหารสำเร็จรูป คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องได้ โดยเฉพาะสินค้าที่พัฒนาและจัดจำหน่ายเฉพาะในประเทศไทย ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคชาวไทย
สำหรับข้อมูลสาขา MUJI ในปัจจุบัน (ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2568)
- ญี่ปุ่น 683 สาขา
- จีน 442 สาขา
- ไต้หวัน 70 สาขา
- เกาหลีใต้ 42 สาขา
- ไทย 40 สาขา
- เวียดนาม 17 สาขา







