GLOBAL WORK เป็นแบรนด์แฟชั่นญี่ปุ่นอายุ 30 ปี ที่มาภายใต้แนวคิด People First มีสาขาในญี่ปุ่นราว 221 แห่ง รวมถึงมีสาขาในต่างประเทศอย่างฮ่องกงกับไต้หวัน 21 สาขา และล่าสุดตัดสินใจเลือก ‘ไทย’ เป็นประเทศแรกสำหรับการปักหมุดเปิดสาขาในอาเซียน
ความน่าสนใจ คือ ทำไม GLOBAL WORK ถึงเลือกบ้านเราเปิดสาขาแรกในภูมิภาคนี้ ทั้ง ๆ ที่ไทยกำลังเผชิญความท้าทายมากมาย โดยเฉพาะสถานการณ์เศรษฐกิจที่ย่อมส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อผู้บริโภคและยอดขายของแบรนด์อย่างแน่นอน ยังไม่รวมถึงสภาพการแข่งขันของตลาดแฟชั่นที่รุนแรง
คนไทยเทสดี มีการบริโภคสินค้าแฟชั่นสูง
‘โอตะ ซาโตรุ’ Adastria Executive Officer, GLOBAL WORK Division และ ‘เซกิโมริ คาซึชิ’ Adastria Thailand Managing Director ให้คำตอบถึงเหตุผลที่ Adastria เจ้าของแบรนด์ GLOBAL WORK เลือกไทยเปิดสาขาแรกในภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากไทยเป็นตลาดที่มีโอกาสการเติบโตของธุรกิจแฟชั่นสูง เพราะ
- ไทย เป็นประเทศที่มีการบริโภคสินค้าแฟชั่นเป็นจำนวนมาก
- ผู้บริโภคไทยมีเทสในเรื่องของแฟชั่นดี ถือเป็นปัจจัยบวกต่อการพัฒนาและสร้างการเติบโตให้กับตลาด
- ทางบริษัทฯ มองว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีการพัฒนาในระดับสูงและรายได้ของชนชั้นกลางกำลังขยายตัว โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานช่วงอายุ 20-30 ปี ที่มีความกระตือรือร้นในการใช้จ่ายด้านแฟชั่น
แม้หลายคนจะกังวลถึงสภาวะเศรษฐกิจของไทยที่อยู่ในช่วงขาลง แต่ด้วยผลตอบรับของ ‘niko and …’ อีกหนึ่งแบรนด์ในเครือของ Adastria ซึ่งเปิดไปก่อนหน้านี้ 3 สาขาในไทยที่กำลังไปได้ดี ทาง Adastria จึงมองใน ‘แง่บวก’ และตัดสินใจเปิดสาขาของ GLOBAL WORK แห่งแรกในไทย ณ เดอะมอลล์ ไลฟ์สไตล์ งามวงศ์วาน โดยไม่ได้มีความกังวลเป็นพิเศษต่อภาวะเศรษฐกิจ
วางไทยเป็นฮับอาเซียน
นอกจากนี้ ด้วยความพร้อมในด้านต่าง ๆ ของไทย และความได้เปรียบในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ทาง Adastria วางจะสร้างให้ไทยเป็นฮับของภูมิภาคอาเซียน โดยในอนาคตจะมีการนำแบรนด์อื่น ๆ ภายในเครือที่มีกว่า 50 แบรนด์เข้ามาวางจำหน่ายเพิ่มเติม และจะใช้ความรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมในไทยต่อยอดไปสู่การเปิดสาขาในประเทศอื่นๆ ในกลุ่มอาเซียนต่อไป
กลยุทธ์ดังกล่าว เป็นไปตนโยบายของบริษัทแม่ Adastria ที่ต้องการขยายสาขาในอาเซียนอย่างจริงจัง เนื่องจากอาเซียนเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่ทางบริษัทให้ความสำคัญ เพราะตลาดแฟชั่นมีแนวโน้มเติบโตได้ดี จำนวนประชากรวัยหนุ่มสาวสัดส่วนสูง ซึ่งขณะนี้ได้มีการจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศไทยและฟิลิปปินส์ไว้เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม ไทยถือเป็นตลาดแฟชั่นที่มีความเติบโตและมีการแข่งขันสูง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ สำหรับแบรนด์ GLOBAL WORK ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่ด้วยการสร้างความแตกต่างผ่านการออกแบบสินค้าและการบริการที่ ‘ใส่ใจลูกค้า’ ภายใต้แนวคิด People First จุดแข็งที่ได้สั่งสมมาจากประสบการณ์ในญี่ปุ่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีระบบที่พนักงานหน้าร้านจะรับฟังเสียงจากลูกค้า แล้วส่งข้อมูลกลับไปยังสำนักงานใหญ่เพื่อนำไปวิเคราะห์ด้วย AI และสะท้อนกลับสู่การพัฒนาสินค้า ซึ่งในญี่ปุ่นได้นำมาใช้แล้ว และมีแผนจะนำแนวทางนี้มาใช้ในประเทศไทยด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ขณะที่แบรนด์แฟชั่นระดับโลกหลายแบรนด์เลือกขายสินค้าที่เหมือนกันทั่วโลก แต่ GLOBAL WORK จะเน้นการปรับสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการและสภาพอากาศของแต่ละพื้นที่ ถือเป็นอีกกลยุทธ์สำหรับสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง
ในส่วนของราคา วางไว้ให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่ง โดยเฉพาะกับแบรนด์ที่มาจากญี่ปุ่นเหมือนกัน โดย
- เสื้อยืด ราคา 590-1,490 บาท
- เสื้อเชิ้ต ราคา 1,290-1,990 บาท
- กางเกง ราคา 1,299-2,990 บาท
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจราคาในร้าน ‘ยูนิโคล่’ (UNIQLO) พบว่า เสื้อยืด ราคาจะอยู่ระหว่าง 290-590 บาท, เสื้อเชิ้ต มีราคา 590-1,990 บาท และกางเกง มีราคา 390-1,290 บาท
ส่วน ‘มูจิ’ (Muji) เสื้อยืด ราคาจะอยู่ระหว่าง 290-790 บาท, เสื้อเชิ้ต ราคา 690-1,290 บาท และกางเกง ราคา 590-1,490 บาท



