ปลุกพัทยา กับแคมเปญแจกห้องพักฟรี 20,000 ห้อง

แม้จะมีสถานะเป็น “เมือง” แต่พัทยาก็เปรียบเสมือนผลิตภัณฑ์ที่ต้องมีแคมเปญส่งเสริมการขาย โดยเฉพาะในสภาวะวิกฤตด้านการท่องเที่ยวเช่นนี้ การอยู่เฉยเท่ากับการฆ่าตัวตาย พัทยาจึงปลุกเมืองครั้งใหญ่ด้วยแคมเปญ “Pattaya Be Our Guest …เที่ยวทั้งวัน ลดทั้งเมือง” กระหน่ำแจกห้องพักฟรี 20,000 ห้อง จากจำนวนห้องพักในพัทยาทั้งหมดราว 60,000 ห้อง อีกทั้งแจกแพ็กเกจกอล์ฟฟรี และภายใต้แคมเปญนี้ยังรวมถึงงาน Pattaya Grand Sale ที่ลดทุกห้างทุกศูนย์การค้าทั่วเมือง ซึ่งเป็นแคมเปญการตลาดที่เกิดขึ้นควบคู่ไปกับการ Face off เมืองพัทยา

แคมเปญนี้กินระยะเวลายาวนานถึง 5 เดือน โดยแบ่งแคมเปญเป็น 3 ระยะ เพื่อให้เกิดการกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเน้นหนักในระยะแรก คือตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน -31 กรกฎาคม 2552 ขณะที่ระยะที่ 2 คือ สิงหาคม – กันยายน และระยะที่ 3 คือ กันยายน – ตุลาคม ปีนี้ ซึ่งหลังจากนั้นจะเข้าสู่ช่วง High Season

ถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติด้วยคอนเซ็ปต์ Give & Take

“มาพักฟรี จากนั้นจะก่อเกิดรายจ่ายด้านอื่นๆ ตามมาอีกมากมายทั้งค่าอาหาร ค่ากิจกรรมต่างๆ ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจท่องเที่ยวโดยรวมของพัทยา ที่น่าจะกระเตื้องขึ้นมาได้บ้าง ขณะเดียวกันก็อยากให้คนไทยที่เคยมาเที่ยวพัทยาแต่ห่างหายไปนานให้กลับมาเที่ยวแล้วจะแปลกใจกับโฉมใหม่ของพัทยา ที่เป็นระเบียบและมีแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย ส่วนคนที่ไม่เคยวางแผนว่าจะมาเที่ยวพัทยาก็อยากให้หันมาสนใจบ้างเพราะพัทยาคือวาไรตี้และความครบครัน” อิทธิพล คุณปลื้ม ให้รายละเอียด

โลโก้แคมเปญที่มีสีสันสดใสทั้งฟ้า เขียว ชมพู ส้ม เทา แดง ม่วง ดำ สำหรับนำไปปรับใช้ในสภาพแวดล้อมต่างๆ โดยโลโก้ได้แรงบันดาลใจจาก KTC ที่สื่อถึงความสนุกสนาน เป็นผลงานสร้างสรรค์ของแผนก Business Development จีเอ็มเอ็ม มีเดีย

แคมเปญนี้ใช้กลยุทธ์การสื่อสารครบทุกรูปแบบ ทั้งภาพยนตร์โฆษณาที่ระดมอัดกระหน่ำเฉพาะในฟรีทีวีกว่า 603 ครั้ง และยังมีการโฆษณาในเคเบิลทีวีท้องถิ่นของพัทยาด้วย

นอกจากนี้ยังมี Tie-in ในรายการโทรทัศน์ 45 ครั้ง ทั้ง Prime time และ Non Prime Time เช่น เช้าข่าวข้น…คนข่าวเช้า ข่าวข้นคนข่าว เจาะเกาะติด ไนน์เอ็นเตอร์เทน ไฟว์ ไลฟ์ และรถโรงเรียน เป็นต้น รวมถึงสปอตวิทยุ 1,220 ครั้ง ในรายการของแกรมมี่และอื่นๆ เพื่อครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายให้ทั่วถึง ทั้งคนรุ่นใหม่ วัยรุ่น วัยทำงาน ตลอดจนกลุ่มครอบครัว

โดยจะมีการร่วมสนุกกับกิจกรรมของแต่ละรายการ เพื่อมอบห้องพักและของพรีเมียมอื่นๆ ซึ่งเตรียมไว้แจกในรายการในโอกาสต่างๆ เช่น Travel Name Tag 10,000 ชิ้น พวงกุญแจ 30,000 ชิ้น กระเป๋าผ้า 1,000 ใบ และชุดกาแฟ 2,000 ชุด

ด้วยงบประมาณแคมเปญราว 20 ล้านบาท แต่คาดว่าจะมีมูลค่ามีเดียที่ได้ถึง 60 ล้านบาท และประมาณการว่าจะทำเงินให้กับพัทยาตลอดทั้งแคมเปญราว 800-1,000 ล้านบาท อีกทั้งสามารถเพิ่ม Occupancy Rate ให้เพิ่มเป็น 60% ได้

ภายในงานแถลงข่าวที่สยามพารากอน มีคนดังมาร่วมบอกเล่าประสบการณ์ประทับใจในพัทยาและเชิญชวนให้คนไทยมาท่องเที่ยวพัทยาในภาวะที่พัทยาต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

ภราดร ศรีชาพันธ์ บอกว่า พัทยาเป็นเมืองที่เขาคุ้นเคย ทั้งจากการมาท่องเที่ยว พักผ่อน และจนกลายมาเป็นบ้านอีกหลังของเขากับนาตาลีที่กำลังก่อสร้างในปัจจุบัน เขาเล่าอีกว่าที่พัทยาเป็นที่โปรดปรานของนักเทนนิสระดับ TOP 10 อาทิ มิคาเอล ยูสนี่ และมารัต ซาฟิน ที่มักจะเดินทางมาเก็บตัวเพื่อฝึกซ้อมราว 1 เดือน ในช่วงธันวาคมเป็นประจำทุกปีต่อเนื่องกันมาราว 7 ปีแล้ว เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปแข่งขันรายการเวิลด์ทัวร์ในแถบใกล้เคียง

ด้านซินดี้ สิรินยาและไบรอน บิชอป ก็มีประสบการณ์ล้ำค่าที่พัทยา ซินดี้เป็นคนพัทยาโดยกำเนิด เคยอาศัยอยู่ซอย 3 จากนั้นย้ายมาซอย 5 และปัจจุบันอยู่ซอย 27 แถบนาเกลือ

“พัทยาคือบ้าน กลับไปทุกสัปดาห์ โตมากับการดำน้ำที่นั่น และพบรักกับไบรอนที่พัทยาด้วย”

แคมเปญนี้อาจจะเป็นตัวกระตุ้นให้คนไทยได้มีประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกับคนดังดังกล่าวได้ไม่มากก็น้อย

นับเป็นความพยายามอย่างกู้วิกฤตอย่างเร่งด่วน ก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลายและซบหนักไปกว่านี้ พัทยาจึงเลือกที่จะฉีดยาแรง เพื่อหวังผลในทันที แม้อาจจะไม่ถึงขั้นบูมขีดสุด แต่เพียงแค่ฟื้นไข้ก็นับเป็นสัญญาณที่ดีในอนาคตแล้ว