นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยคนใหม่ ชูกลยุทธ์ “4H” เน้นให้ความรู้ผู้ประกอบการไทย

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย เผยวิสัยทัศน์ใหม่ภายใต้การนำของ อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ นายกสมาคมฯ คนที่ 18  เน้นร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ชูแพลตฟอร์มกระจายองค์ความรู้ส่งเสริมขีดความสามารถทางการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยให้ประสบความสำเร็จบนเวทีการค้าทั้งในระดับประเทศและในระดับโลก พร้อมกระตุ้นผู้ประกอบการไทยให้มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยหัวใจนักการตลาด

อรรถพล บอกว่า โลกกำลังเจอกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งนั้นก็คือ เปลี่ยนจากอะนะล็อกไปสู่ดิจิทัล ซึ่งส่งผลต่อทั้งภาคธุรกิจและสังคม เมื่อเข้าสู่โลกออนไลน์ “ตลาดเปลี่ยน แนวคิดคนเปลี่ยน ธุรกิจก็ต้องเปลี่ยนตามไปด้วย โดยในปี 2561 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวด้วยสภาวะเศรษฐกิจโลกกำลังปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องรวมถึงในประเทศไทยเองก็เริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวก ทั้งในด้านเศรษฐกิจที่คาดว่าจะสามารถขยายตัวได้ร้อยละ 4.2– 4.7จากการลงทุนของภาครัฐและเอกชน  และในด้านรูปแบบทางธุรกิจ ที่เริ่มมองเห็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆเกิดขึ้นอย่างมากมายจากเทคโนโลยีแห่งการเชื่อมต่อ (Connectivity)

อย่างไรก็ดีในยุคนี้ เป็นยุคที่บริษัทและองค์กรต่างๆไม่ว่าใหญ่หรือเล็กไม่สามารถยืนอยู่ได้โดยลำพัง แต่เป็นยุคที่ต้องอาศัยความร่วมมือซึ่งกันและกัน อีกทั้งนิยามของการตลาดและบทบาทของนักการตลาดก็เปลี่ยนไปมาก

จากที่เคยมองทุกอย่างแยกส่วนกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ สินค้า ราคา โปรโมชั่น จุดขาย หรือการสื่อสาร โฆษณาประชาสัมพันธ์  แต่ในยุคนี้ ทุกอย่างถูกหลอมรวมเป็นเรื่องเดียวกันเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน โดยมี ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง(Customer Centric)ที่ต้องเน้นความสะดวก สบายและเข้าถึงได้โดยง่าย หรือ (Convenient)

“ผมมองว่าในโลกยุคใหม่ ความเข้าใจผู้บริโภคนั้นสำคัญเป็นอย่างมากต่อความสำเร็จของแบรนด์หัวใจของการเป็นนักการตลาด จึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเป็นนักการตลาดตามวิชาชีพอีกต่อไป หากแต่เป็นบทบาทของทุกๆคนในองค์กร ที่ต้องลุกขึ้นมาปรับหรือเปลี่ยนตัวเองโดยใช้การตลาดเป็นตัวนำ พร้อมเรียนรู้และฝึกตนให้มีคุณสมบัติ 5 ประการของนักการตลาดในโลกปัจจุบัน คือ ช่างสงสัย (Curious)ช่างสังเกตุ (Observant)มองมุมใหม่ (Innovative)พร้อมปรับตัว (Adaptive) และ มีความรับผิดชอบ (Responsive)”

แม้อรรถพลจะมาจากภาคอุตสาหกรรม หากแต่เขามองว่าการตลาดมีบทบาทสำคัญในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับทุกๆธุรกิจ “ปัญหาการค้าของไทยที่เห็นชัดคือเรื่องการทำการตลาด จริงๆแล้วเรามีการผลิตที่ดี แต่ติดปัญหาเรื่องการทำตลาด ดังนั้น สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยจึงได้กำหนดวิสัยทัศน์ใหม่ คือ การใช้ความเยี่ยมยอดทางการตลาด มาเป็นพลังขับเคลื่อนขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (Marketing Excellence as a ‘Competitive Force’ of the Nation)  ที่จะถูกขับเคลื่อนด้วย 4 พันธกิจหลัก 4 H  Head, Hand, Heart และ Heart 

1. สร้าง Head :

แพลตฟอร์มในการรวมตัวกันของนักการตลาด (Marketing Wisdom Center) เริ่มที่การหันมาร่วมกับนักการตลาดมืออาชีพ เพื่อรวบรวม ประมวลความคิด วิเคราะห์กลั่นกรอง เป็น Co-Creation เพื่อร่วมสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆด้านการตลาดและธุรกิจ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อชี้นำและกำหนด Trend ทางการตลาดในแง่มุมต่างๆ พร้อมเผยแพร่แก่ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไป   

2. สร้าง Hand :

เครือข่ายผู้ทรงคุณวุฒิด้านการตลาด  (Marketing Ambassadors) มุ่งมั่นสร้างเครือข่ายนักการตลาดที่จะมาแบ่งปันความรู้ในการทำธุรกิจและการตลาด จากประสบการณ์จริงและกรณีศึกษาต่างๆ  ผ่านกิจกรรมต่างๆของทางสมาคมในรูปแบบงานสัมนา งานแลกเปลี่ยนความรู้ ทั้งในระดับจังหวัด และในระดับประเทศ เพื่อร่วมพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว 

3. สร้าง Heart :

ชี้ให้เห็นถึง จิตวิญญานการตลาด ที่ถูกต้องและเหมาะสม (Marketing Soul) มีบทบาทสำคัญ ในการปลุกจิตสำนึก และชี้ให้เห็นว่า  “การตลาดที่ถูกต้องและเหมาะสม คือจิตวิญญาณสำหรับทุกธุรกิจ” และการยึดมั่นในจรรยาบรรณการตลาดที่ดี จะส่งผลดีกับธุรกิจในระยะยาวด้วยการสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้องและเหมาะสมร่วมกับภาคเอกชนและภาครัฐ รวมถึงการร่วมมือกันระหว่างสมาคมต่างๆ หรือผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง

4. สร้าง Hope :

เพื่อจุดประกายธุรกิจรุ่นใหม่ (New Generation Marketers) เน้นให้ความรู้ ด้านการตลาดกับ SMEs, Start Up และนักศึกษาการตลาดและสาขาอื่นๆในสถาบันการศึกษาต่างๆ เพื่อสร้างความหวัง ความเชื่อมั่น ในการที่จะใช้การตลาดนำพาประเทศไทยไปสู่ THAILAND 4.0

อรรถพลมองว่า ความสำเร็จของสร้าง A Leading Marketing Body ซึ่งประกอบด้วย Head, Hand,  Heart และ Hope สำหรับประเทศไทยได้นั้น ต้องอาศัยการทำงานร่วมกันทุกภาคส่วนทั้งภาคเอกชน ภาคการศึกษา และ ภาครัฐ เพื่อสกัดองค์ความรู้ใหม่ๆด้านการตลาดร่วมกัน และใช้แพลตฟอร์มดิจิตอลมาเป็นเครื่องมือช่วยพัฒนาผู้ประกอบการไทย เพิ่มการเข้าถึง และกระจายความรู้ต่างๆให้กว้างขวางมากขึ้น และร่วมกันก้าวสู่ความเป็นเลิศทางการตลาดของประเทศไทยอย่างยั่งยืน

สำหรับ อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ในวัย 52 ปีคนนี้ จัดเป็นลูกหม้อคนสำคัญของ บมจ.ปตท.ที่ถูกสร้างขึ้นมาให้ดำรงตำแหน่งใหญ่ๆ หลายด้าน โดยในปี 2554 ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดพาณิชย์ และต่างประเทศของ บมจ.ปตท.และไต่ระดับขึ้นเป็นประธานกรรมการบริษัท พีทีทีลาว พีทีทีกัมพูชา จนกระทั่งดำรงตำแหน่งเป็นรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริหารความยั่งยืน และวิศวกรรมโครงการของ บมจ.ปตท.-รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน และประธานกรรมการบริหารธุรกิจค้าปลีก ก่อนจะขึ้นสู่ตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย และรักษาการแทนรองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารกลยุทธ์ กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลายของ บมจ.ปตท. ในปัจจุบัน.