อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส (สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2561) พบว่า อัตราการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้น 61% แต่กำไรจากการดำเนินงานขั้นต้นลดลง 54% โดยไม่รวมรายการพิเศษที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวนี้ คือ การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์พนักงานจากการเพิ่มขึ้นมูลค่าหุ้นของ แอนท์ ไฟแนนเชียล ซึ่งเกิดจากการเพิ่มทุนครั้งล่าสุด (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก https://www.alibabagroup.com/en/news/press_pdf/p180823.pdf
แมกกี้ วู ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของอาลีบาบา กรุ๊ป กล่าว การเติบโตนั้น มาจากทุกภาคส่วนของธุรกิจหลัก รวมทั้งคลาวด์คอมพิวติ้ง และสื่อดิจิทัลและบันเทิง สะท้อนถึงความสำเร็จในการลงทุนในด้านการสร้างประสบการณ์ลูกค้า ผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคต
นอกจากนี้ ฐานลูกค้าและธุรกรรมเติบโตเพิ่มขึ้นในทั้งอีโคซิสเต็ม รวมทั้งการขยายอย่างต่อเนื่องของบริษัทในตลาดค้าปลีกจีน ซึ่งเกิดจาก New Retail ที่เป็นกลยุทธ์ค้าปลีกของบริษัท ผลักดันการสร้างรายได้และเพิ่มศักยภาพของพันธมิตรค้าปลีก ให้สามารถบริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
“อีกทั้ง อาลีบาบา ได้เริ่มบริการบันเทิงดิจิทัลและบริการท้องถิ่นที่เข้าถึงตลาดที่มีศักยภาพสูงนอกเหนือจากธุรกิจหลัก โดยจะคงลงทุนต่อเนื่องในธุรกิจที่มีศักยภาพและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างได้เปรียบทางการแข่งขันและการเติบโต” แดเนียล จาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอาลีบาบา กรุ๊ป กล่าว
ผลประกอบการไตรมาส สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2561
• รายได้รวม 80,920 ล้านหยวน (12,229 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพิ่มขึ้น 61% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน
• รายได้ มาจากหลักจากธุรกิจการค้าปลีก-ค้าส่ง เติบโตขึ้น 61% คิดเป็นรายได้ทั้งหมด 69,188 ล้านหยวน (10,456 ล้านเหรียญสหรัฐ)
• รายได้จากธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้งเพิ่มขึ้น 93% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นรายได้ทั้งหมด 4,698 ล้านหยวน (710 ล้านเหรียญสหรัฐ)
• รายได้จากธุรกิจสื่อดิจิทัลและบันเทิงเติบโตขึ้น 46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นรายได้ทั้งหมด 5,975 ล้านหยวน (903 ล้านเหรียญสหรัฐ)
• รายได้จากกลุ่มธุรกิจเชิงนวัตกรรมเพิ่มขึ้น 64% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นรายได้ทั้งหมด 1,059 ล้านหยวน (160 ล้านเหรียญสหรัฐ)
• ช่องทางค้าปลีกของอาลีบาบาในประเทศจีน มีลูกค้าที่ซื้อสินค้าอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อปีรวมกว่า 576 ล้านราย เพิ่มขึ้น 24 ล้านราย เมื่อเทียบกับปีงบประมาณก่อนหน้า สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2561
• ยอดผู้ใช้งานจีนที่เข้าถึงช่องทางค้าปลีกขออาลีบาบาในแต่ละเดือนผ่านโทรศัพท์มือถือ 634 ล้านคนในเดือนมิถุนายน 2561 ซึ่งสูงกว่าในเดือนมีนาคมของปีเดียวกันถึง 17 ล้านคน
• กำไรจากการดำเนินการ 8,020 ล้านหยวน (1,212 ล้านเหรียญสหรัฐ) ลดลง 54% ซึ่งเกิดจาก รายการพิเศษ คือการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์พนักงานจากการเพิ่มขึ้นมูลค่าหุ้นของ แอนท์ ไฟแนนเชียล ซึ่งเกิดจากการเพิ่มทุนครั้งล่าสุด
• หากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าว รายได้จะเพิ่มขึ้น 9% และกำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษีและรายการตัดจ่ายทางบัญชีอื่นๆ ที่ปรับปรุงแล้ว เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับปีก่อน หรือเท่ากับ 26,502 ล้านหยวน (4,005 ล้านเหรียญสหรัฐ)
• กำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายของธุรกิจการค้าปลีก-ค้าส่ง คิดเป็น 32,797 ล้านหยวน (4,956 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และมีอัตรามาร์จิ้น 47%
อัตรากำไรของธุรกิจการค้าปลีก-ค้าส่งขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เหล่านี้
- สัดส่วนรายได้ที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปสู่ธุรกิจค้าปลีกยุคใหม่ ซึ่งรับรู้ทั้งรายได้ขั้นต้น และต้นทุนสินค้าคงคลังด้วย
- งบการเงินรวมนี้ได้รวมเอาผลประกอบการของ ไช่เหนี่ยว เน็ตเวิร์ค (Cainiao Network) ซึ่งเป็นธุรกิจเทคโนโลยีสำหรับงานโลจิสติกส์ด้วย
- งบการเงินรวมนี้ได้รวมเอาผลการลงทุนในธุรกิจในประเทศ เช่น การเข้าซื้อกิจการซื้อ Ele.me ด้วย
- การขยายธุรกิจไปในภูมิภาคนี้เช่นในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หากไม่รวมผลกระทบจากการลงทุนระยะยาวต่างๆ แล้ว กำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษี และรายการตัดจ่ายทางบัญชีอื่นๆ ที่ปรับปรุงแล้วของธุรกิจการค้าปลีก-ค้าส่งยังรักษาระดับเช่นเดิมกับปีที่ผ่านมา
• กำไรสุทธิสำหรับงวดให้แก่ผู้ถือหุ้นคือ 8,685 ล้านหยวน (1,313 ล้านเหรียญสหรัฐ) กำไรสุทธิเท่ากับ 7,650 ล้านหยวน (1,156 ล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งลดลง 41% และ 45% ตามลำดับเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องจากมีรายการพิเศษที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว คือการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์พนักงาน ที่เนื่องมาจากมูลค่าหุ้นของ Ant Financial จำนวน 11,180 ล้านหยวน รายละเอียดแสดงไว้ที่หัวข้อกำไรจากการดำเนินงาน หากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าวกำไรสุทธิในไตรมาสนี้จะเพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
• กำไรสุทธิที่ไม่ได้คำนวณตามหลักการบัญชีทั่วไปเท่ากับ 20,101 ล้านหยวน (3,038 ล้านเหรียญสหรัฐ) กำไรต่อหุ้นปรับลดเท่ากับ 3.30 หยวน (0.50 เหรียญสหรัฐ) และกำไรที่ไม่ได้คำนวณตามหลักการบัญชีทั่วไปต่อหุ้นปรับลดเท่ากับ 8.04 หยวน (1.22 เหรียญสหรัฐ)