DusitD2 Baraquda ใช้ดีไซน์ดึงTrend Setter

หนึ่งในธุรกิจที่เกิดขึ้นในปี 2551 แล้วถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของพัทยาให้มีความพรีเมียม มีสไตล์ และทันสมัยมากขึ้น คงหนีไม่พ้นdusitD2 Baraquda Pattaya (ดุสิต ดีทู บาราคูด้า พัทยา) ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่เล็กๆ 3 ไร่ ริมถนนพัทยาสาย 2 ติดกับไลฟ์สไตล์มอลล์ ดิอะเวนิว พัทยา

โรงแรม Small Luxury ซึ่งออกแบบและตกแต่งโดย DWP Group แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความโดดเด่นของพัทยายุคใหม่ และเป็นกรณีศึกษาในการทำธุรกิจใน “Modern Pattaya” ให้ประสบความสำเร็จ

“ดีทู ถือเป็น Generation ที่ 2 ของดุสิต เกิดขึ้นเพื่อรองรับคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์แตกต่าง ต้องการความเป็นตัวของตัวเองสูง และดีทูแห่งที่ 2 ต่อจากเชียงใหม่ คือบาราคูด้า พัทยา ก็ต้องการรองรับนักท่องเที่ยว Generation ใหม่ๆ ของพัทยาด้วย” เสริม เพ็ญชาติ ที่ปรึกษาโรงแรมดุสิต ดีทู บาราคูด้า พัทยา ให้รายละเอียด

เขาบอกว่าโจทย์ของของการทำธุรกิจโรงแรมสำหรับเขาที่พัทยา คือ แปลก ทันสมัย และไม่ซ้ำใคร และเขารู้ดีว่าไม่ง่ายเลย

“พัทยาเป็นแหล่งดำน้ำที่มีชื่อเสียง เราจึงหยิบยกเอาเรื่องราวของทะเลมาเป็น Key Concept ในการดีไซน์
คำว่า บาราคูด้า (Baracuda) เป็นชื่อปลาชนิดหนึ่ง แต่เล่นคำเปลี่ยนตัว c เป็นตัว q เพื่อสื่อความหมายถึงคำว่า aqua จึงเป็นที่มาของชื่อ Baraquda และวาง Brand Characteristic ของดีทู บาราคูด้า เป็นผู้นำแห่งไลฟ์สไตล์ทันสมัย ไม่เหมือนโรงแรมใดในพัทยา และใช้ฟองคลื่น เกลียวคลื่นในทุก Element ของโรงแรม รวมถึงสีส้มซึ่งเป็นสีสัญลักษณ์ของโรงแรมที่ให้ความรู้สึกกระฉับกระเฉงและตื่นตัวอยู่เสมอ”

นอกจากนี้ยังดีไซน์เด็ดจากศิษย์เก่าคนดังของลีโอ เบอร์เนทท์ เพื่อนเก่าแก่ของเสริมซึ่งเคยร่วมงานใน Creative House แห่งนี้ด้วยกันมาก่อน

ชุดพนักงานลายทางสีฟ้าขาวสลับกัน ดูพลิ้วไหวสบายตาแต่ให้ความรู้สึกสนุกสนานอยู่ในที ออกแบบโดยภาณุ อิงควัต จากเกรย์ฮาวดน์ ส่วนภาพกราฟิกสีสันจัดจ้านขนาดใหญ่หลายชิ้นในห้องอาหาร คือฝีมือจากปลายแปรงของตือ สมบัษร ถิระสาโรช ช่วยทำให้บรรยากาศในห้องอาหารดูมีชีวิตชีวา

ด้วยไอเดียที่กลั่นมาจากภาณุและตือ เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้โรงแรมแห่งนี้มีเรื่องราวที่น่าสนใจและลดทอนจุดด้อยด้านโลเกชั่นที่ไม่ติดทะเลลงไปได้มาก อีกทั้งยังสอดรับกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหาย รวมถึง Young Family และกลุ่ม Trend Setter ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อันได้แก่ บรรดานางแบบ ครีเอทีฟ ดีไซเนอร์ คนในอุตสาหกรรมภาพยนตร์

“กลุ่มคนเหล่านี้มีไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่น เป็นกลุ่มคนที่มีความเป็นศิลปินในตัวเองสูง และถ้าเขาไปอยู่ในที่ใหญ่ๆ จะรู้สึก Lost เขาเลยมองหา Design Hotel และคนกลุ่มนี้แหละที่จะทยอยเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนบรรยากาศของพัทยา เพราะพวกเขาคือนักท่องเที่ยวหน้าใหม่ นักท่องเที่ยวอีกรูปแบบหนึ่งที่อาจไม่เคยมีมาก่อนในพัทยา”

เพื่อให้การบริการสอดคล้องกับดีไซน์และคาแร็กเตอร์ของโรงแรม ดังนั้นการคัดเลือกพนักงานที่นี่จึงเกิดขึ้นที่ลานโบว์ลิ่งและห้องคาราโอเกะ

“เราเลือกพนักงานด้วยการให้เขาทำกิจกรรมทั้งโยนโบว์ลิ่ง ร้องคาราโอเกะ เพื่อดูบุคลิกต่างๆ ของเขาเหมาะกับโรงแรมเราหรือไม่”

เสริมบอกว่า dusitD2 Baraquda คือส่วนผสมของคุณลักษณะเด่นของ 3 โรงแรม คือ W (หรูหรา) Hard Rock (สนุกสนาน) และดุสิตธานี (บริการแบบไทย)

ด้วยความที่เป็นโรงแรมขนาดเล็กเพียง 72 ห้อง แต่ก็ยังได้รับผลกระทบจากวิกฤตม็อบถล่มพัทยาจนกระทั่งทำให้ Weekday มี Occupancy Rate เหลือเพียง 30% แต่ยังโชคดีอยู่บ้างที่ Weekend มีตัวเลขที่สวยงามประมาณ 80-90% ดังนั้นจึงต้องเกาะเกี่ยวกระแส MICE ด้วยห้องประชุมขนาด 100 คน เน้นการประชุมระดับ Top Executive เพื่อเติมเต็มในช่วง Weekday

City of Women

เมื่อพูดถึงพัทยา ผู้หญิงหลายคนอาจไม่เคยคิดที่จะบรรจุอยู่ในแผนที่ท่องเที่ยวของพวกเธอ เนื่องจากภาพลักษณ์ของการเมืองท่องเที่ยวของผู้ชาย แต่ขณะนี้พัทยากำลังจะเปลี่ยนไป ด้วย 2 หัวหอกสำคัญ แม้จะเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ แต่น่าจะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับพัทยาได้

“เราต้องการเปลี่ยน Brand Perception ของพัทยา ที่คนส่วนใหญ่มองว่าเป็น City of Men มีเฉพาะสถานบันเทิง เป็นแหล่งเริงรมย์ของผู้ชาย มาเป็น City of Women เพื่อแสดงให้เห็นว่าพัทยาเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับผู้หญิงด้วย มีโรงแรมชิค ทันสมัย มีศูนย์การค้าที่ครบครัน และมีกิจกรรมอื่นๆ ให้ทำมากมาย”

ดุสิต ดีทู บาราคูด้า จึงเตรียมจัดทำแคมเปญ Girl Getaways ร่วมกับเซ็นทรัล เฟสติวัล บีช ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 500 เมตร โดยมีอีกพาร์ตเนอร์ คือ ซิตี้แบงก์

“ออกจากกรุงเทพฯ ในช่วงเย็นหลังเลิกงานในวันศุกร์ ตอนเช้ามีสอนฟิตเนส โยคะบน Roof top bar จากนั้นมีคนดังมาให้ความรู้เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ แฟชั่น การดูแลสุขภาพตัวเอง ไปช้อปปิ้ง กรูมมิ่ง ทดลองผลิตภัณฑ์ มีกิจกรรมดินเนอร์ อาหารอิตาเลียนริมสระว่ายน้ำ และกลับกรุงเทพฯ ในช่วงวันอาทิตย์เย็น เราต้องการฉายภาพความวาไรตี้ของพัทยาที่สามารถรองรับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มผู้หญิงที่เป็น Trend Setter ได้ และเพื่อขยายเวลาของการท่องเที่ยวในพัทยาให้ยาวนานขึ้นจากปกติเช้าไปเย็นกลับ หรือ 2 วัน 1 คืน เป็น 3 วัน 2 คืน” เสริม เพ็ญชาติ อธิบายถึงแผนที่วางไว้

ส่วนหนึ่งของผู้หญิง 40 คนนี้จะเป็นลูกค้าของบัตรซิตี้แบงก์ แพลทินัม ซึ่งจะได้ส่วนลด 10% จากแพ็กเกจทั้งหมด 5,900 บาทต่อคน โดยกิจกรรมครั้งนี้จะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้