ตลาดน้ำ 4 ภาค แหล่งเที่ยววัฒนธรรมน้องใหม่ของพัทยา

ตลาดน้ำ 4 ภาค นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวน้องใหม่ล่าสุดของเมืองพัทยา และเป็นที่น่ายินดีเมื่อสถานที่ท่องเที่ยวนี้ได้ประกาศตัวชัดเจนว่าเป็น “แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม” อันเกิดจากเจตนารมณ์ของ “วลิดา แซ่อึ้ง” เจ้าของและผู้บริหารที่ต้องการให้เกิดศูนย์กลาง “การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์” (วัฒนธรรมไทย) ขึ้นที่พัทยา

ตลาดน้ำแห่งนี้ใช้เวลาในการสร้างราวหนึ่งปี ด้วยงบประมาณร่วม 100 ล้านบาท โดยเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อต้นพฤศจิกายนปี 2551 ที่ผ่านมา

ทางเข้าด้านหน้าของตลาดน้ำ 4 ภาคเป็นการจำลองลักษณะของงานวัดในอดีต แผนผังของตลาดน้ำมีลักษณะเป็นรูปแบบของแผนที่ประเทศไทย นักท่องเที่ยวจึงต้องเริ่มเดินจากภาคเหนือกระทั่งสิ้นสุดที่ภาคใต้ ลักษณะพื้นที่ขายสินค้าในเรือนทั้ง 43 หลัง มีลักษณะของ “หน้าจั่ว” ที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละภาค

“ถัดไปทางด้านหลังโน้นจะมีทุ่งนาสาธิตครับ และเราก็กำลังจะมีโฮมสเตย์สิบหลังเร็วๆ นี้ พอสร้างบนบกเสร็จก็จะยกไปไว้ในน้ำแถวบริเวณภาคใต้” อิทธิพล สีใหม่ Sales & Marketing อธิบายรายละเอียด

ตลาดน้ำ 4 ภาค เปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 10 โมงเช้า และตลาดจะวายเวลา 3 ทุ่มตรง ไม่มีการเก็บค่าเข้าสำหรับนักท่องเที่ยว ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้จำนวนคนเข้ามาเที่ยวเพิ่มมากขึ้น

ในด้านผู้ค้า หากต้องการมีหน้าร้านต้องทำสัญญาเช่า ส่วนพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของโดยการนำเรือมาพายในบริเวณตลาดน้ำ ต้องชำระค่าบำรุงรายวัน วันละ 50 บาท ซึ่งปัจจุบันมีอยู่เรือค้าขายอยู่ราว 50 ลำ “เรือนี่ลงทุนซื้อต่อมาหมื่นนึง ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยขายของบนเรือเหมือนกันจ้ะ” แม่ค้าคนหนึ่งกล่าว แสดงให้เห็นถึงการสร้างอาชีพใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในชุมชนพัทยา

ปัจจุบันพื้นที่ให้เช่าทำการค้าบนเรือนตามภาคต่างๆ สามารถขายพื้นที่ได้แล้วกว่า 80% มีตั้งแต่ลักษณะของ Kioskไปจนถึงพื้นที่ที่เป็นหน้าร้าน ทั้งนี้ โซนที่ขายดีที่สุดคือ “ภาคเหนือ” เพราะอยู่ตอนต้นของเส้นทางเดินเที่ยว ในขณะที่ภาคใต้สามารถขายพื้นที่ได้น้อยกว่าภาคอื่น เนื่องจากอยู่ห่างไกลที่สุด นักท่องเที่ยวเดินไปน้อยกว่า จึงไม่ได้รับความนิยมจากแม่ค้า “เราเลยพยายามแก้ปัญหาด้วยการให้รถทัวร์ไปจอดบริเวณด้านหลัง นักท่องเที่ยวจึงจำเป็นต้องเดินผ่านพื้นที่ภาคใต้โดยปริยาย” กิติศักดิ์ วิมุกดานนท์ Sales & Marketing Manager กล่าว

ปกติตลาดน้ำ 4 ภาค มีนักท่องเที่ยวมาเยือนเฉลี่ยห้าพันคนต่อวันในวันธรรมดา และเพิ่มจะขึ้นเป็นเท่าตัวคืออยู่ที่หลักหมื่นหากเป็นวันเสาร์อาทิตย์ เนื่องจากได้ Volume จากนักท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ เป็นหลัก

กิจกรรมภายในตลาดน้ำนอกจากการเดินเล่น ซื้อของกิน ของที่ระลึก และชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถใช้บริการนั่งเรือพายชมตลาดน้ำ ซึ่งมีให้บริการอยู่ 12 ลำ ในราคาคนละ 75 บาทต่อหนึ่งรอบ ใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมง

ที่ตลาดน้ำ 4 ภาคนี้นักท่องเที่ยวจะคับคั่งช่วงเย็น ซึ่งนับเป็นช่วง “ตลาดร่มลมตก” โดย “อาหาร” นับเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด “เดี่ยวนี้สินค้าในแต่ละภาคจะมีความคล้ายคลึงกัน เราคอนโทรลได้ยาก แต่ก็พยายามให้หลีกเลี่ยงสินค้าที่เหมือนกัน เช่น ให้อยู่คนละภาคหรือเจ้านึงอยู่บนบก อีกเจ้าอยู่ในน้ำ”

“ด้านการทำตลาด เราพยายามดีลกับบริษัททัวร์ โปรโมตผ่านสื่อ ซึ่งก็มีสื่อหลากหลายประเภทให้ความสนใจในการใช้เป็นที่ถ่ายทำรายการ ซึ่งที่ผ่านมา ททท. ก็ช่วยโปรโมตเยอะ” อิทธิพลกล่าว

“ปัญหาหนึ่งที่พบคือนักท่องเที่ยวมากันจำนวนมากก็จริง แต่ไม่ค่อยซื้อของ เราจึงแก้ปัญหาด้วยการพยายามประชาสัมพันธ์ดึงคนมาให้มากที่สุดในขั้นต้น ด้วยการโปรโมตพิพิธภัณฑ์ไม้แกะสลัก ในลักษณะของการเชิญชวนมาสักการะรูปแกะสลักองค์พระพิฆเณศเก่าแก่อายุ 200 ปี” กิติศักดิ์เสริม

กิติศักดิ์เผยว่า ตลาดหลักของตลาดน้ำ ณ ตอนนี้คือ “ชาวรัสเซียกับชาวกรุง” ซึ่งเป็นอัตราส่วนสูงถึง 60:40 คาดว่าช่วงเดือนสิงหาคมน่าจะเข้าสู่ช่วง High Season จึงน่าจะมีกลุ่มนักท่องเที่ยวจาก “อินเดียและจีน” มาเพิ่มเติม

หลังเปิดให้บริการมาได้กว่า 8 เดือน กิติศักด์พบว่าช่วงเดือน “เมษายน” ที่ผ่านมานับว่าเป็น “ช่วงพีค”ของตลาดน้ำ 4 ภาคที่สุด ด้วยปัจจัยส่งเสริมตั้งแต่การมี Long Weekend ต่อเนื่องยาวนาน ประกอบกับอยู่ในช่วงปิดเทอม โดยเฉพาะช่วงเสาร์อาทิตย์มีคนเข้ามาเฉลี่ยต่อวันถึงสองหมื่นคน หากเป็นวันธรรมดาจะอยู่ที่จำนวนหกถึงเจ็ดพันคน ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมน้องใหม่แห่งพัทยา