ยังคงปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และการแข่งขันที่นับวันยิ่งรุนแรง สำหรับ “เทสโก้ โลตัส” ที่นอกจากใช้โอกาสในการเปิดตัวสาขาที่ 2,000 ซึ่งตั้งอยู่ ณ บางกรวย–ไทรน้อย ในการเปิดตัวสาขาโฉมใหมที่เติม 3 เรื่องใหม่เข้าไปอย่าง “เทคโนโลยี–เพิ่มพื้นที่ขาย–สิ่งแวดล้อม” แล้ว “การชำระเงินด้วย QR Code” คือสเต็ปต่อไปที่เทสโก้ โลตัสกำลังจะทำ
สลิลลา สีหพันธุ์ ประธานกรรมการฝ่ายกิจการบรรษัท เทสโก้ โลตัส บอกว่า จากการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคยุค 4.0 พบ 3 ปัจจัยที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมากที่สุดได้แก่
- ต้องการความสะดวกสบาย โดยเฉพาะความเร็วและความง่าย
- ความคุ้มค่า คุณภาพ และประสบการณ์ในการช้อปปิ้งที่ดี
- ความยั่งยืนผ่านแบรนด์ที่มีภาพลักษณ์ที่ดี
“แต่ก่อนลูกค้าจะเดินเข้าร้านมาซื้อของ และหยิบเงินสดขึ้นมาจ่าย แต่เดี๋ยวนี้พฤติกรรมนั้นเปลี่ยนไปแล้ว ลูกค้าไม่อยากรอรับเงินทอน ยิ่งถ้าเป็นเงินจำนวนน้อยๆ ทำให้ “ความเร็วและความง่าย” เป็นโจทย์ที่เทสโก้ โลตัสต้องเร่งปรับตัว”
เมื่อบวกกับพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือและการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ Mobile Banking ที่ข้อมูลจาก “ธนาคารแห่งประเทศไทย” ระบุว่า ไตรมาส 1 ของปี 2018 คนไทยมีบัญชี Mobile Banking ทั้งหมด 34.5 ล้านบัญชี เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเติบโตถึง 44.41% ปริมาณธุรกรรม 179 ล้านครั้ง เติบโต 125% คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.164 ล้านล้านบาท เติบโต 77.71%
และยังมีผลสำรวจของ “วีซ่า” ที่พบว่า คนไทย 74% รู้จักการชำระเงินการชำระเงินด้วย QR Code โดย 42% เคยชำระเงินด้วย QR Code และที่สำคัญ 47% มีประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน
เมื่อมีตัวเลขมาสร้างความมั่นใจเทสโก้ โลตัสจึงได้จับมือกับ “ธนาคารกรุงเทพ” ที่มีความร่วมมือกันมากว่า 20 ปีแล้ว ในการติดตั้งเครื่อง EDC ทั้งหมดกว่า 10,000 เครื่อง ที่ทุกแคชเชียร์ ทุกสาขา ในร้านค้าทุกรูปแบบทั่วประเทศ เพื่อให้สามารถรองรับการชำระเงินผ่าน QR Code จาก Mobile Banking Application ของทุกธนาคาร
รวมไปถึงติดตั้งในร้านค้ารายย่อยที่เช่าพื้นที่ศูนย์การค้าที่มีอยู่กว่า 11,000 ราย ให้รองรับการชำระเงินผ่าน QR Code
เทสโก้โลตัสเริ่มให้บริการชำระเงินผ่าน QR Code ตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมาโดยได้ฝึกให้พนักงานแคชเชียร์คุ้นเคยกับระบบ
“มี QR Code ลูกค้าไม่ต้องรอและเสียเวลารับเงินทอน อีกทั้งยังช่วยลดความผิดพลาดของพนักงานด้วย ถ้าถามว่าจะทำให้สัดส่วนการใช้เงิดสด และอิเล็กทรอนิกส์ เพย์เมน9N เช่น บัตรเครดิตและบัตรเตบิต เปลี่ยนไปจาก 80:20 ไหม คงเปลี่ยนไป แต่ยังตอบไม่ได้ว่าจะเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน”
อย่างไรก็ตาม ในสาขาในต่างประเทศของเทสโก้ โลตัสมีระบบที่ลูกค้าสามารถช้อปปิ้งและเดินออกไปได้เลย ด้วยระบบชำระเงินอัตโนมัตโดยที่ไม่ต้องเข้าคิวที่แคชเชียร์ซึ่งระบบที่ว่านี้อาจจะไม่เหมาะกับเมืองไทย เพราะผู้บริโภคยังมีเรื่องที่ต้องปรึกษากับพนักงานเรื่องโปรโมชั่น และยังต้องการใช้ส่วนลดที่อยู่ท้ายใบเสร็จอยู่
สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของเทสโก้ โลตัสยังเป็นไปในทิศทางที่ดีด้วยความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้นจากการที่ภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนในครึ่งปีหลังก็ยังเชื่อว่าอยู่ในทิศทางที่ดี ยังไม่มีความน่ากังวลอะไร
ปัจจุบันเทสโก้ โลตัสมีลูกค้าสัปดาห์ละ 15 ล้านคน มากกว่า 90% เป็นลูกค้าคลับการ์ด ที่มีทั้งหมดกว่า 15 ล้านคนเช่นเดียวกัน
ในขณะที่ฝั่งของธนาคารกรุงเทพ โชค ณ ระนอง ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการสายบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การชำระเงินด้วย QR Code ถือเป็นเทรนด์ที่คนกำลังสนใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งการจับมือกับเทสโก้ โลตัส จะช่วยสร้างความคุ้นเคยกับผู้บบริโภค และกระตุ้นให้กล้าใช้ช่องทางนี้มากขึ้น
QR Code นั้นเหมาะกับร้านค้าขนาดเล็ก ที่เป็นห้องแถว แผงลอย โดยเหมาะกับคนที่ไม่เคยรับเงินผ่านช่องทางนี้มาก่อน เพราะฟรีและไม่เสียค่าธรรมเนียม เงินเข้าบัญชีได้เลย ไม่เหมือนการรับเงินสดที่ต้องนำไปฝากธนาคารอีกต่อหนึ่ง
“QR Code ไม่ได้เข้ามาแย่งลูกค้าบัตรเครดิตและบัตรเดบิต เพราะตัวบัตรยังมีความหลากหลาย และมีโปรโปรชั่นที่ลูกค้ายังชอบอยู่ แต่ในอนาคตคงจะได้เห็นลูกค้าที่ลืมเอากระเป๋าเงินมา หรือตั้งใจไม่เอามาเพื่อจ่ายเงินด้วย QR Code มากขึ้น”
สำหรับงบที่ใช้ลงทุนในเครื่อง EDC เป็นงบปรกติที่ใช้อยู่แล้ว เรื่องจากตัวเครื่อง EDC มีอายุการใช้งาน 5 ปี เมื่อถึงเวลาก็ต้องเปลี่ยน ซึ่งปัจจุบันเครื่องที่มีทั้งหมดกว่า 150,000 เครื่อง ใน 75,000 ร้านค้า มีอายุเฉลี่ย 3 ปีแล้ว
ปีนี้จะมีเครื่อง EDC ใหม่อีกประมาณ 100,000 เครื่อง ทั้งการเปลี่ยนกับเครื่องเก่า และเครื่องใหม่ที่เติมเข้าไปในร้านค้า เมื่อถึงสิ้นปีได้ตั้งเป้าเพิ่มร้านอีก 60,000 ร้านค้า ทั้งร้านเดิมที่ขยายสาขา และร้านใหม่ที่เติมเข้ามา
โชค ยังบอกอีกว่า ช่วงต้นปีธุรกรรมดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 100% ซึ่งส่วนใหญ่ถึง 90% ทำรายการผ่านโมบายแบงกิ้ง และอีก 10% ผ่านอินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง
สำหรับเป้าหมายในปีนี้คาดว่าจะมีลูกค้าที่ใช้บัวหลวงเอ็มแบงกิ้งเพิ่มขึ้นเป็น 8 ล้านราย จากช่วงกลางปีอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านราย ส่วนบัตรเครดิตมีฐานลูกค้าทั้งหมด 15 ล้านราย
ทั้งนี้ทั้งนั้นนอกจากการจับมือกับเทสโก้ โลตัสแล้ว ขณะนี้ธนาคารกรุงเทพกำลังอยู่ในระหว่างทดสอบระบบ “B – Wallet” ใน Regulatory Sandbox ทดลองนำเทคโนโลยีมาทดลองใช้จริงกับลูกค้า แต่เป็นการใช้ในวงจำกัด และมีช่วงเวลาการทดสอบที่ชัดเจน
โดย “B – Wallet” จะเป็นระบบจ่ายเงินผ่าน QR Code ที่เชื่อมกับบัตรเดบิต และ บัตรเครดิต ที่เป็นเครือข่าย TPN ซึ่งเป็นเครือข่ายบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของเมืองไทยเอง ที่ใช้เทคโนโลยีของยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล ปัจจุบันมีบัตร TPN ราว 5 ล้านใบในไทย
ถ้าเปิดใช้งานจริงจะทำให้ผู้บริโภคสามารถจ่ายเงินผ่านระบบ QR Code ในประเทศ ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเก๊า และจีนได้ทันที โดย “B – Wallet” เข้าสู่ Sandbox ได้สักพักแล้ว คาดว่าจะเสร็จสิ้นการทดสอบภายในปีนี้ แต่ยังไม่ได้กำหนดเปิดตัว.