AIS ทุ่ม 20 ล้าน ส่ง 11 พรีเซ็นเตอร์ครบทีม ลุยโปรโมตแคมเปญ “คลื่นมากสุดทั่วไทย” หวังชิงลูกค้าเข้าเครือข่าย

เอไอเอส ทุ่มกว่า 20 ล้าน ใช้ 11 พรีเซ็นเตอร์เต็มทีม โปรโมตออกแคมเปญใหม่ “เอไอเอส ที่ 1 ตัวจริง เร็ว แรงที่สุด คลื่นมากที่สุด ทั่วไทย หลังจากจ่ายค่าประมูลคลื่น 1800 MHz เป็นเครือข่ายมือถือที่มีคลื่นในมือมากที่สุด

เอไอเอสได้เริ่มปล่อยคลิปไวรัลทางช่องทางออนไลน์ ในชื่อ “ทำไมต้อง AIS” ตามมาด้วย #AIS ที่ 1 ตัวจริง พร้อมจัดเต็มนำพรีเซ็นเตอร์ทั้ง 11 คนของเอไอเอส มาโปรโมตในแคมเปญนี้ด้วย ซึ่งผู้บริหารเอไอเอสเปิดเผยว่า เป็นการทำแคมเปญใหญ่ของปีนี้ เพื่อตอกย้ำมีเครือข่ายขนาดใหญ่ เป็นผลมาจากการคลื่นความถี่มากที่สุด

สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ซีอีโอ เอไอเอส บอกว่า เมื่อวันที่ 19 กันยายน ไอเอสได้ไปจ่ายเงินค่าประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz ในงวดที่ 1 จำนวน 6,693,385,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) พร้อมหนังสือค้ำประกันของธนาคารจำนวน 6,693,385,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) สำหรับหลักประกันการชำระเงินในส่วนที่เหลือให้ กสทช. สำหรับคลื่น จำนวน 10 MHz (5 MHz x2)

ส่งผลให้เอไอเอสถือครองคลื่นความถี่ที่มากที่สุดในบรรดาผู้ให้บริการมือถือเวลานี้ ยิ่งเมื่อรวมกับการใช้โรมมิ่งกับบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ก็จะส่งผลให้เอไอเอสมีคลื่นความถี่ในการให้บริการมากถึง 120 MHz (60 MHz x 2)

ตั้งแต่ปี 2555 – 2561 เอไอเอสได้รับใบอนุญาตคลื่นความถี่ ในการประมูลคลื่นความถี่ 2100 MHz มูลค่า 14,625 ล้านบาท, คลื่น 1800 MHz (ชุดแรก) มูลค่า 40,987 ล้านบาท, คลื่น 900 MHz มูลค่า 75,654 ล้านบาท และล่าสุดประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz มูลค่า 12,511 ล้านบาท รวมมูลค่าใบอนุญาตทั้งหมดที่เอไอเอสประมูลมาเป็นเงินถึง 144,000 ล้านบาท

เอไอเอสพร้อมแล้วที่จะ Up Scale เครือข่ายเรา เรามั่นใจ และอยากเชิญชวนทุกคนให้มาใช้เครือข่ายเรา

สมชัย กล่าว

ปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป เอไอเอส ที่ต้องออกแคมเปญใหญ่ใช้พรีเซ็นเตอร์ครบ 11 คน เพื่อต้องการสร้างการรับรู้ในเรื่องเครือข่าย เพราะสิ่งที่ดึงดูดให้ผู้บริโภคจะตัดสินใจเลือกใช้บริการอยู่ที่คุณภาพเครือข่าย

“เรามีคลื่นย่าน 1800 MHz เป็นแบบ Super Block ทำให้เพิ่มคุณภาพเครือข่ายได้ครบสมบูรณ์ จนสามารถอ้างไดว่าเป็นเครือข่ายที่ครอบคลุมมากที่สุดในประเทศ มีความเร็วมากกว่า 3 เท่า และยังมีบริการบรอดแบนด์ที่ครอบคลุมไปทั่วประเทศให้บริการด้วย

ไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ เอไอเอสมีลูกค้าในเครือข่าย 40 ล้านคน รองลงมาคือค่ายทรู 28.1 ล้านราย และดีแทค 21.6 ล้านราย

ลูกค้าเอไอเอส ปัจจุบันอยู่ในระบบพรีเพดจำนวน 33 ล้านราย ที่เหลือ 7 ล้านรายเป็นแบบรายเดือน โดยมีรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมายในระบบเติมเงินอยู่ที่ประมาณ 300 บาทต่อเดือน ส่วนแบบรายเดือนอยู่ที่ประมาณ 600 บาทต่อเดือน

ทั้งแคมเปญล่าสุดนี้ เราทุ่มงบประมาณเกิน 20 ล้านบาท เพื่อใช้โปรโมตแคมเปญ เพื่อบอกกับทุกคนว่า ทำไมถึงควรย้ายมาอยู่เอไอเอส

ในการทำแคมเปญนี้ นับเป็นครั้งแรกที่ได้ใช้พรีเซ็นเตอร์ทั้งหมด 11 คน ที่ล้วนแล้วแต่เป็นพระเอก นางเอกตัวท็อป นักร้อง นักแสดงดัง ประกบด้วย เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข, แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์, เบลล่า-ราณี แคมเปน พระเอกและนางเอกสังกัดช่อง 3, เวียร์–ศุกลวัฒน์ คณารศ พระเอกช่อง 7, มิว นิษฐา จิรยั่งยืน ช่อง 3, เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ, เป๊ก- ผลิตโชค อายนบุตร, แบมแบม GOT7, ทอม Room39, ดีเจพุฒิ, วี-วิโอเลต วอเทียร์

“พรีเซ็นเตอร์เข้ามาช่วยในการโปรโมตไปยังผู้บริโภคแต่ละ segment ด้วยพลังความหลากหลายของพรีเซ็นเตอร์และพาร์ตเนอร์ ทั้งหมดนี้จะช่วย  represent  เนื้อหาของบริการ และทำให้แบรนด์ทันสมัย ตามแผนที่เราจะไปเป็น Digital Service Provider“ ปรัธนา กล่าว

แต่ถึงแม้จะมีพรีเซ็นเตอร์ถึง 11 คน แต่ก็ไม่ต้องใช้เงินลงทุนสูงเหมือนในอดีต เพราะคนเวลานี้เสพสื่อออนไลน์เพิ่มขึ้นมาก ทำให้เวลานี้เอไอเอสใช้สื่อออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็น 30-40% ที่เหลือเป็นสื่อแมส ซึ่งสื่อออนไลน์มีต้นทุนต่ำกว่าสื่อทีวี เพราะบางแคมเปญ หรือพรีเซ็นเตอร์บางคนก็ไม่จำเป็นต้องใช้สื่อแมส

ในอดีตแต่ละแคมเปญต้องใช้เงินถึง 60-100 ล้านบาท แต่เวลานี้ 5-20 ล้าน ก็ครอบคลุมแล้ว.