Amazon Go ซูเปอร์มาร์เก็ตไร้แคชเชียร์ ลุยเปิดสาขา 3 ปีต้องมี 3,000 แห่ง

หลังจากเปิดสาขานำร่องที่ ซีแอตเทิล ศูนย์บัญชาการใหญ่ของ Amazon เมื่อปี 2016 บลูมเบิร์กรายงานว่า Amazon Go ซูเปอร์มาร์เก็ตไร้แคชเชียร์ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ “no lines, no checkouts, no registers.” เตรียมปูพรมเปิดเพิ่มอีก 3,000 สาขา ทั่วสหรัฐอเมริกา ภายในปี 2021

ล่าสุดเปิดสาขาชิคาโก และที่ซีแอตเทิลเพิ่มอีก 2 สาขา ทำให้ปัจจุบันมี 3 สาขา โดยภายในปี 2018 นี้ ตั้งเป้าไว้ว่าจะเปิดทั้งหมด 10 สาขา ขณะเดียวกันมีแผนที่จะมีสาขาในย่านเขตเมืองหลัก เช่น ซานฟรานซิสโกและนิวยอร์ก 50 สาขา ภายในปี 2019 เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนเมืองใหญที่มีไลฟ์สไตล์เร่งรีบ และต้องการซื้อหาอาหารมารับประทานในช่วงเวลาเร่งด่วน

Amazon Go ที่มีพื้นที่สาขาละประมาณ 2,000 ตารางฟุต (ราว 185 ตารางเมตร) เปิดให้ลูกค้าเข้าจับจ่ายใช้สอยได้ด้วยตัวเอง โดยไม่มีพนักงานบริการ ใช้วิธีให้ลูกค้าดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น Amazon Go มาใช้งาน แล้วสแกนตรงที่กั้น ก็สามารถสัมผัสประสบการณ์ผ่าน Just Walk Out Technology ได้ เพียงเดินเข้าไปหยิบสินค้าที่ต้องการออกจากชั้นวาง และนำติดตัวออกไปจากร้านได้เลย โดยเทคโนโยลีปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะติดตามและประมวลผลค่าใช้จ่ายพร้อมกับตัดบัตรเครดิตหรือบัญชีที่ลงทะเบียนไว้โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องเข้าคิว ไม่ต้องควักเงินสดหรือกระทั่งใช้กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ใดๆ จ่ายที่แคชเชียร์

ภายในร้าน Amazon Go ส่วนใหญ่จะจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มประเภท Grab and Go เช่น แซนด์วิช สลัด โยเกิร์ต ขนมนมเนย และกราโนลาบาร์ และแบ่งพื้นที่บางส่วนจำหน่ายของชำ (Grocery) ซึ่งพื้นที่ส่วนนี้นำเสนอสินค้าใกล้เคียงกับร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-Elevenและบางแห่งได้ทดลองจำหน่ายอาหารแบบ Meal-on-the-run หรือ Amazon Meal Kitsที่รังสรรค์วัตถุดิบและส่วนผสมของเมนูต่างๆ ไว้ให้ลูกค้าซื้อนำไปปรุงเองที่บ้านตามสะดวก เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบของคนเมือง โดยเฉพาะคนทำงานในเวลาพักเที่ยงที่ต้องเติมท้องให้อิ่มแบบรวดเร็ว ไม่มีเวลาจะมานั่งกินมื้อเที่ยงในร้านอาหารแบบเป็นกิจจะลักษณะ รวมถึงมื้ออื่นๆ ที่มีความจำเป็นเร่งด่วน แต่ต้องการอาหารที่ถูกสุขลักษณะและมีคุณค่าทางโภชนาการครบครัน

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายของ Amazon Go คือ ต้นทุนที่มากกว่า Brick-and-Mortar Store ทั่วไป เฉพาะเม็ดเงินลงทุนด้านฮาร์ดแวร์ของ Amazon Go สาขาแรก ก็มากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือมากกว่า 32 ล้านบาทแล้ว แต่การโฟกัสที่อาหารพร้อมรับประทานหรืออาหารซื้อบริโภคทันที จะทำให้ลดต้นทุนในการเปิดสาขาของ Amazon Go ได้มากกว่าเคย เพราะใช้เซนเซอร์และติดตั้งกล้องคอยตรวจตราน้อยกว่า แถมสินค้าประเภทอาหารนี้ยังทำกำไรได้มากกว่าของชำด้วย

ทั้งนี้ นอกจาก Amazon จะเป็นผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ที่สุดในโลก และเปิด Physical Store อย่าง Amazon Go ซึ่งเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตแล้ว ยังมี Physical Store อื่นๆ อีก ได้แก่ ร้านหนังสือ Amazon Books 20 สาขา และเชนร้านจำหน่ายของชำและสินค้าเพื่อสุขภาพ Whole Foods Market ที่ Amazon ซื้อกิจการมาเมื่อปีที่แล้ว อีกกว่า 470 สาขา ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และสหราชอาณาจักร

Amazon เอาจริงเอาจังทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ โดยหลังจากการข่าวนี้แพร่สะพัด ปรากฏว่ามูลค่าหุ้นของคู่แข่งอย่าง CVS, Walgreens, Walmart, Target และ Krogerดิ่งลงอย่างหนัก.

เรียบเรียงจาก