หลังจากที่เฟซบุ๊กสร้างความฮือฮาด้วยการคว้าลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ประเทศอังกฤษ หรือ EPL ของฤดูกาล 2019-2022 ด้วยเงินประมูลมูลค่ากว่า 200 ล้านปอนด์ สำหรับสิทธิ์การถ่ายทอดสดในประเทศไทย, ลาว, เขมร และเวียดนาม เมื่อกลางปีที่ผ่านมานี้
โดยลิขสิทธิ์ที่เฟซบุ๊กได้มานั้นครอบคลุมทั้งทางฟรีทีวี เพย์ทีวี และออนไลน์ และตามเงื่อนไของพรีเมียร์ลีกจะต้องมีการถ่ายทอดสดให้ครบทุกช่องทางด้วย แต่เฟซบุ๊กมีเฉพาะช่องทางออนไลน์ของเฟซบุ๊ก ดังนั้นช่องทางทีวีนั้นจะต้องเจรจากับผู้ประกอบการทีวีในไทย
รายงานข่าวจากวงการทีวีเปิดเผยว่าเฟซบุ๊กได้เริ่มทำข้อเสนอไปยังผู้ประกอบการทีวีครอบคลุมทั้งเพย์ทีวี ออนไลน์ และฟรีทีวีไปบ้างแล้ว แต่ทั้งหมดนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจายังไม่มีข้อสรุป
ลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก มีมูลค่าแพงมากที่สุดรายการหนึ่ง เนื่องจากเป็นที่นิยมมากทั่วโลก โดยเฉพาะในย่านเอเชีย ในส่วนพื้นที่ประเทศไทยนั้น ทรูวิชั่นส์เป็นผู้ได้ลิขสิทธิ์มานานหลายปี จนกระทั่งในปี 2013-2016 เป็นกลุ่ม CTH เข้ามาแย่งชิงสิทธิ์ไปได้ ตามมาด้วยกลุ่มบีอิน สปอร์ต ในปี 2016-2019 ที่ผ่านมา และได้ขายช่วงลิขสิทธิ์ให้กับทรูวิชั่นส์ และทรูไอดี ทางช่องทางออนไลน์ ส่วนช่องทางฟรีทีวีนั้น พีพีทีวี ได้ซื้อสิทธิ์ถ่ายทอดผ่านจำนวน 26 แมตช์ต่อฤดูกาล และเป็นเฟซบุ๊กรายล่าสุด
การมาของเฟซบุ๊กนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพฤติกรรมของผู้รับหันมาดูทางออนไลน์หรือช่องทาง OTT (over the top) มากขึ้น ทำให้พรีเมียร์ลีกเปิดให้ผู้ประกอบการ OTT เข้ามาร่วมประมูลด้วย โดยในประเทศอังกฤษ กลุ่มอเมซอน ยักษ์ใหญ่ สร้างความฮือฮา คว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ผ่านสตรีมมิ่ง เป็นเวลา 3 ฤดูกาล โดยจะเริ่มตั้งแต่ซีซั่น 2019/20 เป็นต้นไป
ก่อนหน้านี้ สกาย สปอร์ตส์ และ บีที สปอร์ต ได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดพรีเมียร์ลีกในประเทศอังกฤษไปแล้ว ด้วยมูลค่ารวมเกือบ 4.5 พันล้านปอนด์ และอเมซอนจะเข้ามาชนะประมูลด้วยมูลค่าราว 90 ล้านปอนด์ โดยอเมซอนจะถ่ายทอดสดผ่านช่องทาง อเมซอน ไพรม์ วิดีโอ ฤดูกาลละ 20 นัด ขณะที่สกาย สปอร์ตส์ถ่าย 128 นัดต่อฤดูกาล ส่วนบีที สปอร์ตส์ถ่าย 52 นัด
สำหรับเฟซบุ๊ก ที่ได้เริ่มลุยตลาดทีวีสตรีมมิ่งมากขึ้น โดยเฉพาะรายการกีฬาที่เป็นหนึ่งในคอนเทนต์หลัก โดยได้เริ่มในกีฬาซอคเกอร์, เบสบอลในอเมริกาและอีกหลายประเภทกีฬาเช่นเทนนิสมาแล้ว
ทั้งนี้ตลาดเอเชียแปซิฟิก เป็นตลาดใหญ่ของเฟซบุ๊ก ที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กประมาณ 40% มาจากภูมิภาคนี้ และตลาดผู้ชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกมาจากคนทั่วโลกโดยเฉพาะตลาดในเอเชียที่เป็นตลาดทีมีการเติบโตสูงมาก
จึงเป็นเหตุผลที่เฟซบุ๊กเข้ามาประมูลลิขสิทธิ์พรีเมียร์เป็นครั้งแรก โดยเริ่มจากลิขสิทธิ์ที่ครอบคลุมใน 4 ประเทศในเอเชียแปซิฟิกนี้
อย่างไรก็ตาม ช่องทางการรับชมทางออนไลน์ หรือ OTT เติบโตขึ้นอย่างมากแต่ก็ไม่อาจทิ้งช่องทางทีวีปกติได้ที่เข้าถึงผู้ชมได้ครอบคลุมกว่าในบางพื้นที่ที่อินเทอร์เน็ตอาจจะยังไม่ครอบคลุมถึง อีกทั้งช่องทางทีวีและออนไลน์จะยังต้องเติบโตไปด้วยกัน เป็นการสร้างแบรนด์พรีเมียร์ลีกในกลุ่มผู้ชมได้ต่อเนื่อง.