บนหน้าจอสมาร์ทโฟนขนาดเท่าฝ่ามือกลายเป็นช่องทางความหวังใหม่สำหรับธุรกิจตั้งแต่ห้างสรรพสินค้า สำนักข่าว เพลง และเกม ที่หากใครมีไอคอนบนหน้าจอ ธุรกิจนั้นก็มีโอกาสเติบโตได้เหนือคู่แข่ง… นี่คือโอกาสที่ทำให้ “ทรู คอร์ปอเรชั่น” สามารถดึงพันธมิตรธุรกิจ 7 บริษัทเข้าร่วมโครงการ True App Center Awards ช่วยปลุกกระแสให้แอพพลิเคชั่นไทยคึกคักมากยิ่งขึ้น
“แอพพลิเคชั่น” ทำให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนสะดวกมากขึ้นด้วยคลิกเดียวในการเข้าถึงข้อมูล และความบันเทิง ต่างจากรูปแบบเดิมที่ต้องเข้า Wapsite และใช้เวลาอย่างน้อย 3 คลิก และหลายนาทีกว่าจะได้เล่นเกม ฟังเพลง หรือแม้แต่ดูตารางหุ้น เพราะฉะนั้นยิ่งมีแอพฯดี ยิ่งทำให้คนเห็นใช้สมาร์ทโฟนมากขึ้น
ทรูฯ จึงไม่สามารถรอให้แอพฯพัฒนาไปได้โดยธรรมชาติ แต่ต้องปลุกกระแส
กลยุทธ์ล่าสุดนี้ “อติรุฒม์ โตทวีแสนสุข” กรรมการผู้จัดการ คอนเวอร์เจนซ์ จึงขอผลักดัน Contest Marketing ด้วยโครงการ True App Center Awards ที่หวังว่ามูลค่ารางวัลรวมๆ แล้วประมาณ 1 ล้านบาท จะดึงนักพัฒนาแอพฯมือดีมาได้ นอกเหนือจากคอนเทนต์หลากหลายจากพันธมิตร 7 ราย ประกอบไปด้วย เอวิว มีเดีย 360, จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่, ไอเอ็นเอ็น, มติชน, อสมท, เดอะมอลล์กรุ๊ป และทรู แฟนเทเชีย และไม่เพียงจำกัดเฉพาะไอโฟนที่ทรูฯขายอยู่เท่านั้น ยังเปิดให้มี OS (Operating System) หรือระบบปฏิบัติการอื่นอีก คือ วินโดวส์ โมบายล์, ซิมเบียน, แบล็คเบอร์รี่ รวมถึงแอนดรอยด์
ทรูฯ เชื่อว่า นี่คือ โอกาสในการหานักพัฒนาแอพฯฝีมือดี และผู้ที่ชนะยังมีโอกาสส่งแอพฯไปขายในสโตร์ระดับโลก ซึ่งปัจจุบันมูลค่าตลาดแอพฯทั่วโลกสูงถึง 17,500 ล้านบาทแล้ว ส่วนพันธมิตรก็สามารถนำแอพฯไปใช้งานได้จริง อย่างที่พันธมิตรอย่างน้อย 2 รายระบุถึง
“อภิชาติ์ หงส์หิรัญเรือง” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ดิจิตอล บิสสิเนส จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ บอกว่า แอพฯ ถือเป็นอีกช่องทางขายเพลงช่องทางหนึ่งสำหรับแกรมมี่ เช่นเดียวกับ “ชำนาญ เมธปรีชากุล” ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สายการตลาด เดอะมอลล์ กรุ๊ป บอกว่าเทรนด์นี้มาแรง และเดอะมอลล์ก็มั่นใจว่าห้างสรรพสินค้าที่สามารถไปอยู่บนมือถือจะตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้
งานนี้เรียกได้ว่าต่างฝ่ายต่างมีความหวัง แม้ผู้บริหารทรูฯจะย้ำว่าไม่ได้หวังผลกำไร แต่สัญญาณก็เห็นแล้วว่างานนี้ กลุ่มทรูฯหวังอนาคตเต็มๆ ว่า ธุรกิจสดในแน่นอน เพราะปัจจุบันทรูฯขายทั้ง “ไอโฟน” และ “แบล็คเบอร์รี่” และมีเครือข่ายมือถือทรูมูฟ ที่หากแอพฯยิ่งโดนใจกลุ่มเป้าหมาย ก็ยิ่งทำให้ลูกค้าใช้บริการมากขึ้น ย้ำกันได้ว่ากระแสแรง รายได้ก็มาอย่างแน่นอน
Did you know?
แม้ว่า แอพพลิเคชั่นของ App Store ของไอโฟน แอปเปิล จะเกิดก่อนใคร โดย มีส่วนแบ่งตลาดในโลกสูงสุดกว่า 80% แต่ปรากฏว่ากลุ่มที่ใช้แอนดรอยด์ 35% ใช้แอพฯบ่อยกว่าถึง 50 ครั้งต่อเดือน ส่วนไอโฟนมีแค่ 15% โดย 37% ของผู้ถือไอโฟนใช้แอพฯน้อยกว่าเดือนละ 5 ครั้งเท่านั้น เทียบกับแอนดรอยด์ที่มีกลุ่มใช้น้อยแค่ 11%
ที่มา : Flurry บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับนักพัฒนาแอพพลิเคชั่น ซานฟรานซิสโก
สูตรรายได้จากธุรกิจแอพพลิเคชั่น
แอพพลิเคชั่น จาก App Store เป็นกรณีศึกษาของการสร้างรายได้จากธุรกิจแอพฯได้อย่างดี โดยหลังเปิดมาตั้งแต่กรกฎาคม 2008 ถูกโหลดจากไอโฟนแล้ว 620 ล้านแอพฯ จำนวนนี้ 75% ฟรี ส่วนที่ต้องจ่ายตังค์ผู้โหลดต้องจ่ายเฉลี่ย 1.1 เหรียญสหรัฐต่อแอพฯ เท่ากับว่าผู้ใช้ไอโฟนจ่ายให้ App Store แล้ว 171 ล้านเหรียญสหรัฐนับตั้งแต่เปิดบริการ และจากสูตรที่แอปเปิลจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้กับผู้พัฒนาแอพฯ 70% เท่ากับว่า App Store มีรายได้ 30% แล้วเท่ากับ 51 ล้านเหรียญสหรัฐ
ที่มา : ข้อมูลส่วนหนึ่งจาก Wireless Media Lab