ธุรกิจสอนทำอาหารเดือด! ซีพีเอฟ VS ดุสิต เปิด ‘คูลิเนอร์’ ประชัน ‘เลอ กอร์ดอง เบลอ’

เมื่อเชฟกลายเป็นอาชีพในฝันของคนรุ่นใหม่ และอยากเป็นเจ้าของธุรกิจที่อิสระและรวยเร็ว การเปิดร้านอาหารจึงเป็นเป้าหมายในชีวิตอันดับต้นๆ ส่งผลให้ธุรกิจสอนทำอาหารเติบโตก้าวกระโดด

ทายาท 2 ตระกูลดัง เจาะตลาดคนรุ่นใหม่

การย้ายที่ตั้งโรงเรียนสอนทำอาหารระดับระดับอินเตอร์อย่าง เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต ในเครือโรงแรมดุสิตธานี จากมุมถนนสีลมพระราม 4 มาอยู่บนตึกลอยฟ้า เซ็นทรัลเวิลด์ ราชดำริ อีกนัยหนึ่งคือการปรับตัวของทายาทตระกูล โทณวณิก เพื่อรับมือกับการแข่งขันจากค่ายใหญ่ตระกูล เจียรวนนท์ ที่เริ่มลงมาเล่นในสนามธุรกิจนี้

cordon bleu dusit

ภายใต้ชื่อว่า โรงเรียนศิลปะการอาหารและผู้ประกอบการคูลิเนอร์ ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อกลางเดือนกันยายน 2561 บริหารโดย CPF บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) และยึดห้างกลางใจเมืองเอ็มโพเรียมตรงข้ามเอ็มควอเทียร์สุขุมวิทเป็นศูนย์บัญชาการใหญ่

ทำให้สถานการณ์การแข่งขันของธุรกิจโรงเรียนสอนทำอาหารดุเดือดขึ้นมาทันที! เพราะเป้าหมายต่างต้องการเจาะตลาดคนรุ่นใหม่กระเป๋าหนักและมีรสนิยม ทำเลที่ตั้งจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ 2 ค่ายคิดเหมือนกัน

เทียบฟอร์มสองยักษ์ เลือกพันธมิตรสวิสฯฝรั่งเศส

เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต

เป็นที่รู้อยู่แล้วว่า พี่ใหญ่อย่างเลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิตครองตลาดนี้มานานและเป็นที่ยอมรับ เพราะต่างเป็น พันธมิตร ที่แข็งแกร่ง ระหว่าง ดุสิต อินเตอร์ฯ เจ้าของโรงแรมชั้นนำของไทยและธุรกิจการศึกษาด้านการโรงแรม กับ เลอ กอร์ดอง เบลอ สถาบันระดับโลกจากประเทศฝรั่งเศสที่มีอายุยาวนานถึง 123 ปี เพราะก่อตั้งตั้งแต่ปี พ.. 2438 โด่งดังเรื่องศิลปะการปรุงอาหาร บริการ และการท่องเที่ยว

คูลิเนอร์

ส่วนน้องใหม่ คูลิเนอร์ เบื้องหลังก็แน่นปึ๊ก เพราะซีพีเอฟเลือกจับมือกับสถาบันจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเช่นกัน คือ 125 ปี เฉือนคู่แข่งที่มาก่อนไป 2 ปี พันธมิตรนี้มีชื่อว่า Lausanne Hospitality Consulting (LHC) หน่วยงานด้านการศึกษาของEcoleHoteliere de Lausanne (EHL) เป็นสถาบันสอนการโรงแรม ก่อตั้งปี พ.. 2436

หากเทียบความเก๋ากันแล้วดูสูสี ทั้งแง่ภาพลักษณ์ ชื่อเสียง และความเป็นอินเตอร์ จะต่างตรงที่เลอ กอร์ดอง เบลอ ดูจะเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากกว่า

ยึดไพรม์แอเรีย เศรษฐีช่วยเศรษฐี

ประเด็นการเลือก ทำเล ถือเป็น ยุทธศาสตร์ ที่ 2 ค่ายใหญ่มองทะลุ ในการตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายย่านธุรกิจที่มีทั้งศูนย์การค้า ร้านค้า ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า โรงแรม และแหล่งรวมทันสมัยที่นักท่องเที่ยวต้องไป โดยมีจุดจอดรถยนต์ส่วนตัว และรถไฟฟ้าบีทีเอสช่วยให้เดินทางสะดวก เดินเข้าตึกได้ง่าย

เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต

เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต เลือกเซ็นทรัลเวิลด์ของตระกูล จิราธิวัฒน์ เพราะทั้งคู่กำลังเป็นพันธมิตรใหม่ในการลงทุนอภิมหาโครงการมิกซ์ยูสระดับหลายหมื่นล้าน หลังจากโรงแรมดุสิตธานีหมดอายุการเช่าที่ดินจากสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ พร้อมต่อสัญญาใหม่โดยมีกลุ่มเซ็นทรัลเข้าร่วมทุน และประกาศทุบทิ้งโรงแรมในเดือนมกราคม 2562 หลังเลื่อนการรื้อทุบมา 1 ปีเต็ม

ทำให้ต้องมองหาที่ใหม่ และแน่นอนเซ็นทรัลเวิลด์ ก็ต้องเป็นทำเลในดวงใจ เป็นใครไปไม่ได้ โดยเลือกอยู่บนชั้น 17-19 อาคารเซ็น ทาวเวอร์ และเพิ่มพื้นที่เป็น 3,000 ตารางเมตรสำหรับที่ใหม่ จากที่เดิมมีแค่ 2,000 ตารางเมตร ทำให้รองรับนักเรียนได้เพิ่มขึ้นอีก 600 คนต่อปี ทั้งเพิ่มจุดเด่นด้วยดีไซน์การตกแต่ง การวางแผนผังห้องเรียน และห้องปฏิบัติการงานครัว มีอุปกรณ์ทันสมัยครบเครื่อง

แม้  คูลิเนอร์ ผู้มาใหม่จะไม่ได้บอกถึงเงินลงทุน แต่ทำเลที่ตั้งขนาดพื้นที่ 2,000 ตารางเมตร บนชั้น 5 ของห้างเอ็มโพเรียมก็ออกแบบห้องเรียนและห้องปฏิบัติการงานครัวได้ทันสมัย พร้อมอุปกรณ์การเรียนการสอนที่ทันสมัย เป็นแนว Innovative Learning สมกับเป็นเจ้าพ่อเทคโนโลยีค่าย TRUE โดยใช้ Smartboards และ e-books ซึ่งผู้เรียนหลักสูตรนานาชาติด้านอาหารและผู้ประกอบการจะได้แท็บเล็ตคนละเครื่อง

จะว่าไปแล้วเจ้าสัวน้อย ศุภชัย เจียรวนนท์ ก็ผูกพันกับห้างนี้ทำเลนี้ ไลฟ์สไตล์ส่วนตัวจะชอบดูหนังโรงที่เอ็มโพเรียมกับภรรยาสองต่อสอง มาแบบไม่เอิกเกริก ทั้งได้ลงทุนเปิดร้านเบเกอรีแนวสตรีทแบรนด์จากอังกฤษ PAUL ที่ตัวเองชื่นชอบบนห้างนี้ด้วย ปรากฏว่าผลตอบรับดีมาก ลูกค้าไฮโซเข้าคิวซื้อ

ข้ามมาอีกฝั่ง เอ็มควอเทียร์ ห้างคู่แฝด เอ็มโพเรียม ของตระกูล โสภณพนิชอัมพุช ซีอีโอทรูคอร์ปก็ลงทุนเปิดร้านกาแฟพรีเมียมหรูเลิศ รองรับกลุ่มลูกค้าประจำและรายใหญ่ที่ใช้บริการค่ายทรู โดยให้ อมตะ หลูไพบูลย์ ออกแบบ ซึ่งสถาปนิกท่านนี้เป็นบุตรชายของลูกน้องเก่าเจ้าสัว ธนินท์ เจียรวนนท์

นอกจากทำเลที่โดดเด่นสุดๆ แล้ว สายสัมพันธ์ ความชอบ และความผูกพันก็มีส่วนทำให้ทุกอย่างดูลงตัว

แข่งงัดหลักสูตร ตอบโจทย์เทรนด์ตลาด

สำหรับหลักสูตรและแนวการเรียนการสอนเลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิตเน้น 4 หลักสูตรพื้นฐาน คือ อาหารคาว อาหารหวาน ขนมอบ และขนมปัง ใช้เวลาเรียน 180 ชั่วโมง หลักสูตรเด่น เช่น เทคนิคการทำอาหารแบบฝรั่งเศสคลาสสิก ไซเคิล – Classic Cycle Programme”

ที่น่าสนใจ กลุ่มนี้ได้เปิดหลักสูตรใหม่ เช่น เรื่องการจัดการด้านอาหาร (Programme in Culinary Management) เพราะมองว่าน่าจะตอบโจทย์ลูกค้าที่อยากเปิดร้านอาหารตามแนวโน้มตลาดที่มีมากขึ้นเรื่อยๆจึงตัดสินใจเปิดหลักสูตรนี้และเน้นระยะสั้น

จากปกติมีอยู่แล้ว 30-40 หลักสูตร เช่น  อาหารอิตาเลียน งานน้ำตาลและช็อกโกแลต การจับคู่ไวน์ ชีส และอาหารต่างๆ เพื่อตอบสนองเทรนด์ใหม่ๆ ของตลาด

ขณะที่ คูลิเนอร์ มีหลักสูตรด้านการอาหารและผู้ประกอบการนานาชาติ เป็นเอกลักษณ์ของโรงเรียนที่มุ่งสร้างเชฟมืออาชีพและผู้ประกอบการร้านอาหาร ด้วยหลักสูตรตั้งแต่พื้นฐานด้านงานครัว การทำอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงมาตรฐานความปลอดภัย การบริหารบุคลากรและจัดการธุรกิจ เน้นสอนเป็นภาษาอังกฤษ ใช้เวลาเรียน 2 ปี และมีหลักสูตรระยะสั้นอีกมากที่สอนเป็นภาษาไทย ทั้งอาหารไทย อาหารตะวันตก ขนมอบ ขนมหวาน การออกแบบอาหาร และการจัดการเบื้องต้น ซึ่งออกแบบให้เข้ากับความต้องการของตลาดในแต่ละช่วงเวลา และตอบโจทย์ตลาดในอนาคต

เห็นได้ชัดว่านอกจากการทำอาหารซึ่งมีอยู่แล้ว แต่ละค่ายได้เพิ่มเรื่องการบริหารจัดการ เข้ามาด้วยเพื่อให้ผู้เรียนทำอาหารได้แล้วคุณต้องบริหารธุรกิจเป็นด้วยถ้าต้องการเปิดร้านอาหาร

รายการแข่งทำอาหาร สร้างกระแสเชฟอาชีพในฝัน

ต้องยอมรับว่า รายการแข่งทำอาหารในจอทีวี ภายใต้รูปแบบเกมโชว์ ยังคงสร้างเรตติ้งได้ดีต่อเนื่อง เพราะดูสนุก มีสีสัน

ไม่ว่าจะเป็น เชฟกระทะเหล็กประเทศไทย หรือ Iron Chef ที่ซื้อลิขสิทธิ์มาจากญี่ปุ่น ออกอากาศที่ช่อง 7 ซึ่งต่างประเทศมี Iron Chef Kids กับ Iron Chef Celebrity

ส่วน มาสเตอร์เชฟ ไทยแลนด์ เป็นเกมแข่งของผู้ใหญ่ และเกมเด็กๆ คือ มาสเตอร์เชฟ จูเนียร์ ไทยแลนด์ที่มี ป๊อกปิยธิดาเป็นพิธีกร ดาราสาวคนนี้มีดีกรีการันตีจากเลอ กอร์ดอง เบลอเช่นกัน

ล่าสุด ท็อป เชฟ ไทยแลนด์ Top Chef Thailand” ของช่องวัน ก็ซื้อลิขสิทธิ์รายการจากอเมริกา มาออกอากาศชิงยอดคนดู

ทำให้ เชฟ กลายเป็น เทรนด์ หรืออาชีพในฝันของคนรุ่นใหม่มีมากขึ้นต่อเนื่อง โรงเรียนสอนทำอาหารจึงเป็นแหล่งสร้างแรงบันดาลใจให้เป็นจริงของคนรุ่นใหม่

ดูเหมือนว่า เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต จะจับจุดถูก เพราะอายุผู้เรียนลดลงเหลือ 15-16 ปีแล้ว จากอดีตอายุ 21 ปีขึ้นไป ที่น่าทึ่งคือมีคนวัย 70 ปีมาสมัครเรียนด้วย

ส่วนสีสันในแวดวง แก้วปวีณ์นุช ยอดปรีชาวิจิตร นิสิตคณะนิเทศฯ จุฬาฯ ที่เพิ่งเรียนจบไปไม่นานก็มาเรียนทำอาหารต่อที่เลอ กอร์ดอง เบลอและคว้าแชมป์ MasterChef Thailandคนแรกของรายการ 

นอกจากรายการเกมโชว์แข่งทำอาหารแล้วเซเลบดาราก็ถือเป็นตัวแปรสำคัญของสังคมไทย เช่นโย่งอาร์มแชร์นักร้องนักแสดงหนุ่มชื่อดังที่ไปออกรายการแข่งทำอาหารและไปลงคอร์สเรียนทำอาหารอย่างจริงจังก็เป็นตัวจุดประกายปลุกกระแสให้ธุรกิจสอนทำอาหารยิ่งโตเร็วและโตแรง.