การเติบโตของธุรกิจ E-Commerce ที่เติบโตแบบก้าวกระโดดได้ส่งผลให้ธุรกิจโลจิสติกส์และการจัดส่งสินค้ามีอัตราการเติบโตที่สดใสตามไปด้วย โดยในปี 2561 นี้มีการคาดการณ์ว่าภาพรวมธุรกิจโลจิสติกส์น่าจะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% โดยเฉพาะธุรกิจขนส่งสินค้าทางบกปีนี้คาดการณ์กันว่าจะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 145,100 -147,300 ล้านบาท เติบโต 5.3-7% เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 137,700 ล้านบาท
แนวโน้มที่ดีดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายรายเล็งเห็นโอกาสในการก้าวเข้าสู่ธุรกิจโลจิสติกส์หลากหลายรูปแบบ เพื่อรับอานิสงส์การขยายตัวของธุรกิจ E-Commerce ซึ่งการแข่งขันที่รุนแรงดังกล่าว ทำให้ปัจจุบันตลาดธุรกิจโลจิสติกส์ของไทยอยู่ในสถานการณ์ “Extreme Red Ocean”
อย่างไรก็ดี แม้ว่าตลาดโลจิสต์ติกส์ในประเทศไทยจะอยู่ในภาวะ “Red Ocean” แต่หากมองไปที่โอกาสก็ถือว่ายังมีช่องว่างให้เข้าไปเจาะได้อีกมาก เนื่องจากธุรกิจ E-Commerce ของไทยยังอยู่ระหว่างการเริ่มต้น ด้วยเหตุนี้ เบสท์ เอ็กซ์เพรส เป็นธุรกิจในเครือ เบสท์ กรุ๊ป ผู้ให้บริการซัพพลายเชนอัจฉริยะแบบ One-stop Delivery ครอบคลุมทั่วโลก ก่อตั้งโดย Mr. Johnny Chou อดีตรองประธาน Google ประเทศจีน ด้วยทุนจดทะเบียนกว่า 183 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯ
เบสท์ กรุ๊ป เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) เป็นทีเรียบร้อย ซึ่งปัจจุบันมีผู้ร่วมลงทุนกว่า 20 บริษัทชั้นนำในจีน อย่างเช่น ผู้นำด้าน E-Commerce อย่าง Alibaba, บริษัทส่งของโลจิสติกส์รายใหญ่อย่าง Cainiao และบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่อย่าง Foxconn เป็นต้น จึงเล็งเห็นโอกาสในการเข้ามาขยายธุรกิจในประเทศไทย ด้วยการเปิดรับตัวแทนในไทยกว่า 80 ราย เพื่อร่วมสร้างเครือข่ายซัพพลายเชนอัจฉริยะเชื่อมต่อไทยจีนและเครือข่ายโลจิสติกส์สมัยใหม่ทั่วโลก
การก้าวเข้ามาขยายธุรกิจในประเทศไทยครั้งนี้ เบสท์ เอ็กซ์เพลส มีความมุ่งหวังว่า จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่ง เพื่อรองรับการเติบโตของ E-commerce ในกลุ่มประเทศตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากเล็งเห็นว่า ประเทศไทยมีธุรกิจ E-commerce ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
และการที่ประเทศไทยมีภูมิศาสตร์อยู่ตรงกึ่งกลางของภูมิภาค จะทำให้การทำธุรกิจในประเทศไทยสามารถเป็นจุดเชื่อมต่อไปยังประเทศต่างๆ ของอาเซียนได้ง่าย โดยมุ่งเน้นให้บริการคลังสินค้าและกระจายรูปแบบซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพ การจัดการทรัพยากรการขนส่ง และการกระจายสินค้าให้แก่องค์กรต่างๆ เพื่อเสริมสร้างระบบโลจิสติกส์อัจฉริยะในอาเซียน ซึ่งแนวทางการทำธุรกิจดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การพัฒนาธุรกิจนำเข้า-ส่งออกของประเทศไทยให้ขยายตัวดียิ่งขึ้น
สำหรับผู้ประกอบการที่มีความสนใจจะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรแฟรนไชส์กับ เบสท์ เอ็กซ์เพรส จะต้อง มีคุณสมบัติ 5 ข้อดังนี้
1. ต้องเป็นบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 5 ล้านบาท
2. มีพื้นที่ 100 – 1,000 ตร.ม. มีบุคลากร และรถที่เพียงพอกับขนาดธุรกิจ (รถยนต์กระบะหรือรถจักรยานยนต์) อีกทั้งมีความสามารถในการเพิ่มพื้นที่ บุคคลากร และรถยนต์เมื่อธุรกิจเติบโต
3. สร้างหน้าร้านในโซนพื้นที่รับผิดชอบอย่างน้อย 1 ร้านและตั้งจุดบริการรับส่งพัสดุอย่างน้อย 10 จุดเพื่อให้บริการขนส่งตามมาตรฐานของเบสท์
4. ตัวแทนทุกท่านต้องยอมรับวิสัยทัศน์และปฏิบัติตามกฎระเบียบ – มาตรฐานต่างๆของบริษัท เบสท์ โลจิสติก
5. มีค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมแฟรนไชส์ และเงินประกันความเสี่ยง-ประกันตกแต่งซึ่งเงินประกันจะได้รับคืนเงินหลังตกแต่งเสร็จสิ้นและได้รับการตรวจสอบเป็นที่เรียบร้อย
ผู้สนใจสมัครเป็นตัวแทนโปรดติดต่อ
เมื่อรับทราบเงื่อนไขแล้ว ผู้เข้าร่วมแฟรนไชส์จะต้องมีหน้าที่รับผิดชอบในการรับและกระจายสินค้าในช่วงสุดท้าย (Last Mile Delivery) ในส่วนระบบต่างๆ ที่เกี่ยวกับโลจิสติกส์ ตั้งแต่จัดการศูนย์กระจายสินค้า รถขนส่ง Line-haul ระบบจัดการเครือข่ายเน็ตเวิร์ค ซอฟต์แวร์ระบบจัดการและแผนพัฒนาโดยรวม ทางเบสท์ เอ็กซ์เพลสจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด
หลังจากเข้าร่วมแฟรนไชส์เรียบร้อย ผู้เข้าร่วมจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ มากมาย เช่น โอกาสในการร่วมงานกับเบสท์ กรุ๊ป บริษัทขนส่งชั้นนำของจีน เพื่อพัฒนาเครือข่ายโลจิสติกส์ในไทยและอาเซียน ได้รับการสนับสนุนด้านระบบขนส่งโลจิสติกส์และบริการคลังสินค้าซึ่งครอบคลุมทั่วไทย ได้รับการฝึกอบรมด้านการจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบขนส่งโลจิสติกส์จากทางบริษัท และได้สิทธิ์ในการใช้ทรัพยากรด้านวิจัยและฐานข้อมูล Big Data ของเบสท์ กรุ๊ป
จากแผนการดำเนินธุรกิจดังกล่าว เบสท์ เอ็กซ์เพรส มั่นว่าการก้าวเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยครั้งนี้จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีเหมือนกับที่ได้รับในประเทศจีน ซึ่งได้รับการการันตีด้วยรางวัลต่างๆมากมาย อาทิ รางวัลระบบจัดการคลังสินค้าอันดับ 1 ของจีน และผู้ดำเนินธุรกิจการขนส่งโลจิสติกส์ขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของจีน เป็นต้น
ปัจจุบัน เบสท์ เอ็กซ์เพรส มีจุดให้บริการขนส่งเอ็กซ์เพรสในจีนมากกว่า 25,000 แห่งครอบคลุมทั่วประเทศทุกมณฑลของจีน โดยมีคลังสินค้าแบบคลาวน์มากกว่า 330 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่กว่า 170 เมือง มีพนักงานเต็มเวลากว่า 10,000 คน มีศูนย์ปฏิบัติการมากกว่า 100 แห่ง มีพื้นที่กระจายสินค้าและคลังมากกว่า 1 ล้านตารางเมตร