ในยุคการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ของบรรดาช่องผู้นำในกลุ่มท็อปเท็นของช่องทีวีดิจิทัล เรตติ้งเฉลี่ยของแต่ละช่องขึ้นอยู่กับคอนเทนต์ที่แต่ละช่องนำเสนอในแต่ละเดือน อันดับและเรตติ้งพร้อมจะขึ้นและลงได้เสมอ
สำหรับเรตติ้งในเดือนตุลาคม ช่อง 7 ยังคงเหนียวแน่นในตำแหน่งแชมป์ แม้ว่าจะมีอุปสรรคบ้างจากละครหลังข่าว 2 ทุ่ม เรตติ้งไม่มาตามนัด ตั้งแต่ ละครพีเรียดฟอร์มยักษ์เรื่อง “สายโลหิต” , ละคร “นางทิพย์” ที่นำนางเอกชั้นนำของช่องถึง 3 คน มาเล่นในเรื่องเดียวกัน และละครแฟนตาซี “พ่อมดเจ้าเสน่ห์” ที่เรตติ้งหล่นลงมาต่ำกว่า 4 ไปแล้ว โดยเรตติ้งตอนล่าสุดวันที่ 31 ตุลาคม อยู่ที่ 3.669
แต่ช่อง 7 ก็ยังมีละคร “สังข์ทอง” ละครพื้นฐานที่ออกอากาศในเช้าวันหยุด ทำเรตติ้งสูงสุดของทุกช่องทุกรายการในแต่ละสัปดาห์มาโดยตลอด โดยมีเรตติ้งในระดับ 7-8 และละครเย็น “ชะชะช่าท้ารัก” ที่ทำเรตติ้งในระดับ 6-7 และดันขึ้นมาใน 2 ตอนสุดท้ายก่อนจบ อยู่ที่ 8.441 และ 8.081 ช่วยรักษาระดับเรตติ้งเฉลี่ยช่องลดลงเล็กน้อยเท่านั้น โดยเรตติ้งเฉลี่ยช่องเดือนตุลาคมอยู่ที่ 1.846 ในขณะที่เดือนกันยายนอยู่ที่ 1.866
ช่อง 3 เรตติ้งหล่นลงเมื่อเทียบกับเดือนกันยายน ที่มีเรตติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ 1.309 มาอยู่ที่ 1.173 เป็นตัวเลขที่น้อยมากอันดับ 2 ของปีนี้ของช่อง 3 โดยเรตติ้งประจำเดือนที่ต่ำที่สุดของช่อง 3 อยู่ที่เดือนมกราคม มีเรตติ้ง 1.124
สาเหตุหลักมาจากละครในช่วงเวลาหลังข่าว 2 ทุ่ม ไม่ได้เป็นตามคาด เรตติ้งจึงตกต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนก่อนหน้า แต่เดือนที่แล้วยังมีละครรีรันช่วงเช้าและช่วงบ่ายทำเรตติ้งมาสูงมาก จาก “เพลิงบุญ” เรตติ้งไปถึง 3 กว่า แซงหน้าละครใหม่ทุกช่วง เมื่อต้องพึ่งพิงละครหลัง 2 ทุ่ม ที่เรตติ้งยังอยู่ในระดับ 2-3 เท่านั้น ทำให้เรตติ้งเฉลี่ยของช่องลดลงมาก
ในอันดับ เวิร์คพอยท์แซงชนะโมโนได้อีกครั้ง โดยเป็นผลมาจากการได้สิทธิถ่ายทอดสดการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก ที่ทีมสาวไทยร่วมลงแข่งขันด้วย และได้เข้าไปเล่นในรอบที่ 2 แม้ว่าทีมหญิงไทยจะตกรอบ 2 แต่เรตติ้งของแมตช์รอบท้ายๆ ก็ยังสูง โดยเฉพาะแมตช์ชิงชนะเลิศ เซอร์เบียชนะอิตาลี ได้เรตติ้งสูงถึง 4.114
ทุกครั้งที่เวิร์คพอยท์มีรายการพิเศษเช่นกีฬา กระตุ้นเรตติ้งเฉลี่ยช่องสูงขึ้นทุกครั้ง เช่นในเดือนสิงหาคม จากการถ่ายทอดสดกีฬาเอเชียนเกมส์ ทำให้เรตติ้งเฉลี่ยช่องเวิร์คพอยท์ขึ้นมาสูงถึง 1.001 แต่หลังจากรายการพิเศษเหล่านี้จบไป รายการปกติของเวิร์คพอยท์ยังไม่มีรายการเด่น ที่ได้รับความนิยมสูงเด่นขึ้นมานอกเหนือจากรายการ “ไมค์ทองคำ” ในช่วงวันหยุด ที่ยังคงเป็นรายการที่ทำเรตติ้งสูงสุดของช่องเท่านั้น ทำให้เรตติ้งเฉลี่ยช่องลดลงทุกครั้ง
เวิร์คพอยท์จึงมีบทพิสูจน์ในช่วงเวลาต่อไปว่า จะมีรายการอะไรที่สามารถสร้างกระแสความนิยมโดดเด่นขึ้นมาได้บ้าง
ช่องโมโน ใช้กลยุทธ์ใหม่ ด้วยการจัดหนังชุดเป็นซีรีส์ เช่นชุด Harry Potter ทุกภาค ลงต้อนรับปิดเทอม และจัดทั้งหนังจีนชื่อดังลงแข่งช่วงเวลาไพรม์ไทม์ ทำเรตติ้งดีต่อเนื่องให้กับช่องจนขึ้นมาไล่บี้กับเวิร์คพอยท์ได้ แม้จะอยู่ในอันดับ 4 แต่แนวโน้มแรงต่อเนื่อง
ช่องวันเป็นอีกช่องที่เรตติ้งเฉลี่ยขยับเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ จากอันดับ 6 มาอันดับ 5 ด้วยเรตติ้งเฉลี่ย 0.559 เพิ่มขึ้นจาก 0.484 ในเดือนกันยายน มาจากการลงละครลงทั้งช่วงวันธรรมดา และช่วงวันศุกร์และเสาร์ ด้วยละครกระแสแรง “เลือดข้นคนจาง” ที่แม้เรตติ้งไม่สูงมากนัก แต่ก็ไต่ระดับมาเรื่อยๆ จนตอนล่าสุด วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม เรตติ้งขึ้นมาอยู่ที่ 1.709 อีกทั้งละครใหม่ ช่วงหลังข่าว 2 ทุ่ม “พรหมไม่ได้ลิขิต” นำแสดงโดย “บี้ สุกฤษฏิ์ และ เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา” กำลังมาแรง
ส่วนช่วงเย็น นอกจากละครแล้ว ช่องวันยังนำรายการแข่งขันร้องเพลงลูกทุ่ง “ศึกวันดวลเพลง” ที่เคยเป็นรายการวาไรตี้ ที่ทำเรตติ้งสูงสุดของช่องวันมาอย่างต่อเนื่อง กลับมาอีกครั้งในชื่อ “ศึกวันดวลเพลง นักสู้ลูกทุ่ง” ออกสตาร์ทวันแรก เรตติ้งอยู่ที่ 1.713 น่าจะช่วยส่งต่อเรตติ้งให้กับละครเย็นต่อเนื่องไปได้
ในอันดับ 6 เดือนนี้ ตกเป็นของช่อง 8 ที่ได้ละครเย็น “สาปกระสือ” เรตติ้งขึ้นมาเกิน 2 เป็นรายการที่ทำเรตติ้งสูงสุดของช่อง 8 ในช่วงนี้ไปแล้ว
รายการภาคบันเทิงที่จัดลงกันหลายช่อง มีผลต่อช่องข่าว ไทยรัฐทีวี จากอันดับ 5 เรตติ้ง 0.493 ในเดือนกันยายน ลงมาอยู่ที่อันดับ 7 เรตติ้ง 0.436 ส่วนอมรินทร์ทีวี ที่เริ่มปรับทีมข่าวใหม่ ยังไม่มีผลการเปลี่ยนแปลงอะไร เรตติ้งและอันดับอยู่ที่เดิมในอันดับ 9
ส่วนช่องนาว 26 ก็ยังติดในอันดับ 10 ได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะโดนแชร์เรตติ้งไปบ้าง โดยมีช่องจีเอ็มเอ็ม 25 ตามมาอยู่ในอันดับ 11 เป็นครั้งแรกในเรตติ้งประจำเดือน ด้วยผลงานละครและภาพยนตร์ไทย โดยจีเอ็มเอ็มมีเรตติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ 0.168 กระโดดมาจากอันดับ 13 เรตติ้งเฉลี่ย 0.145 ในเดือนกันยายน.