มาม่าปรับกระบวนท่า

เมื่อภาวะเศรษฐกิจไม่เป็นใจ กำลังซื้อที่หดหาย ส่งผลให้สินค้าสุดฮิตที่ปกติแล้วไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากปัจจัยรอบข้างมากนักอย่าง “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” ยังต้องเดินหน้าปรับกระบวนท่ากันแบบยกใหญ่ เพื่อประคับประคองยอดขายในปีนี้ไว้ให้ได้

ไม่เว้นแม้แต่ผู้นำอย่าง “มาม่า” ที่ต้องออกแรงเป็นพิเศษเช่นกัน

“6 เดือนที่ผ่านมา มาม่ายังเติบโตได้ถึง 13% เป็นครั้งแรกในรอบ10 ปี จากทุกปีครึ่งปีแรกจะโตแค่หลักเดียวเท่านั้น โดยเฉพาะปีนี้ที่สวนทางกับตลาดบะหมี่โดยรวมที่โตเพียง 3-5% ทั้งหมดมาจากกลยุทธ์ราคาที่เราตัดสินใจเปิดตัวมาม่า 5 บาทไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา” เป็นคำสรุปของ “พิพัฒ พะเนียงเวทย์” ประธานกรรมการ บริษัท ไทยเพรสซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน)

ถือเป็นการปรับตัวที่รวดเร็ว และทันท่วงทีของผู้นำตลาดที่ส่งให้มาม่าสามารถช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งได้ในช่วงที่ผ่านมา แน่นอนว่าด้วยราคาที่ต่างกันเพียง 1 บาท แต่ถือว่ามีผลอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในตลาดบะหมี่ที่เจาะกลุ่มคนทุกเพศ ทุกวัย

“พิพัฒ” แจงว่า ทั้ง 2 รสชาติได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ และพลิกหลักการที่เป็นมาของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่ปกติแล้ว “รสชาติใหม่” ที่ออกมาจะสร้างยอดได้แค่ไม่กี่เดือนแรก หลังจากนั้นก็จะลดต่ำลง และในที่สุดจะเหลือส่วนแบ่งตลาดไม่ถึง 1%

“ก่อนหน้านี้มีเพียง “ต้มยำกุ้งน้ำข้น” ที่ยอดขายยังไม่ตกจนถึงปัจจุบันที่มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 7-8% สิ่งนี้เกิดขึ้นอีกครั้งกับซุปไก่ และโปรตีนไข่ ที่ใช้เวลาเวพียง 6 เดือนสามารถมีส่วนแบ่งตลาดได้ถึง 5% และยังคงไปได้ดีจนถึงต่อเนื่อง”

แน่นอนว่าการตอบรับที่เกิดขึ้นถือว่าเกินความคาดหมาย และทำให้มาม่าต้องพลิกกระบวนยุทธ์การรบในครึ่งปีหลังใหม่ทั้งหมดก็ว่าได้ จากเดิมที่มีแผนเปิดตัวนวัตกรรมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ไม่ใช้วิธีการทอด (Non-fried) เพื่อเจาะกลุ่มคนรักสุขภาพและลูกค้าระดับบน ทำให้ต้องเลื่อนแผนนี้ออกไปในปีหน้า

บิ๊กบอสไทยเพรสซิเดนท์ฟูดส์ ชี้ว่า เป็นการปรับเพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์ แม้สินค้าตัวนี้จะพร้อมแล้วในแง่ของการวิจัยและพัฒนาแล้วก็ตาม แต่ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับจังหวะของตลาด ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก

“เศรษฐกิจตอนนี้ยังเป็นตัวยู เราไม่กล้าออกของแพง แต่ปีหน้าน่าจะเหมาะสม ยิ่งกับสถานการณ์วัตถุดิบทั้งแป้งสาลีและน้ำมันปาล์มที่สูงขึ้นต่อเนื่องขณะนี้ การออกบะหมี่ที่เป็นพรีเมียมก็ถือเป็นความจำเป็น เพราะมาม่า 5 บาทคงไม่เหมาะกับสถานการณ์ต้นทุนที่สูงขึ้นในปีหน้ามากนัก”

เพื่อตุนยอดขายในช่วง 4 เดือนหลังนี้ มาม่าจึงเลือกที่จะตอกย้ำเรื่องราคาและความคุ้มค่า อีกครั้งกับซุปไก่ และโปรตีนไข่ ด้วยการเปิดตัวคัพ 10 บาท เพื่อสนองความต้องการผู้บริโภคกระเป๋าแฟบอีกครั้ง เข้าทำนองน้ำขึ้นให้รีบตัก

“2 ตัวนี้จะขายในราคา 10 บาทเท่านั้น จากปกติคัพจะต้องขายที่ 13 บาท เพื่อให้คนที่มีรายได้น้อยแต่อยากทานมาม่าคัพ รวมถึงเป็นทางเลือกให้คนหาเช้ากินค่ำที่มีเงินจำกัด หากเทียบกับก๋วยเตี๋ยวข้างทางที่ขายกัน 35-40 บาท แต่มาม่า 10 บาทก็อิ่มได้”

ประการสำคัญ สิ่งที่ยักษ์ใหญ่รายนี้ต้องการก็คือ กระตุ้นตลาดบะหมี่ถ้วยให้เติบโตขึ้น จากที่ลดลงอย่างชัดเจนในช่วง 6 เดือนแรกเหลือเพียง 11% ทั้งๆ ที่ช่วง 3 ปีก่อนหน้านี้มีการเติบโตถึง 30%

มากกว่านั้น คือ การเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของมาม่าคัพ จาก 58.4% เป็น 60% ในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันส่วนแบ่งตลาดของมาม่าโดยรวมอยูที่ประมาณ 54% เป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากมูลค่าตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกว่า 10,000 ล้านบาท ส่วนไวไวอยู่ที่ 23% และยำยำอยู่ที่ 20%

Did you know?

คนกรุงเทพฯ นิยมเปลี่ยนยี่ห้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถึง 22.8% และนิยมเปลี่ยนสถานที่เลือกซื้อถึง 38.6% โดยเลือกซื้อในสถานที่ใกล้บ้าน

ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 1,025 คน