บทสรุปดีล Fortune-ชัชวาลย์ โลกจับตา “เจียรวนนท์” เข้ากลุ่มตระกูลต่างชาติผู้มีหุ้นในสื่ออเมริกัน

9 พฤศจิกายนที่ผ่านมาคือวันที่ Meredith พลับลิชเชอร์ต้นสังกัดนิตยสาร Fortune ประกาศว่าได้ขาย Fortune ให้กับนักลงทุนชาวไทยในราคา 150 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 4,900 ล้านบาท ดีลนี้ทำให้ชื่อชัชวาลย์ เจียรวนนท์ถูกจับตามองอย่างมาก โดยเฉพาะในมุมของการเป็นหนึ่งในกลุ่มนักลงทุนต่างชาติผู้มั่งคั่ง ซึ่งสนใจการถือหุ้นบริษัทสื่ออเมริกัน ในวันที่สื่อเก่ากำลังหมดแรงลงไปทุกที

Meredith ประกาศว่าการขาย Fortune จะเป็นข้อตกลงกับบริษัท Fortune Media Group Holdings Limited ซึ่งถือหุ้นโดยชัชวาลย์ เจียรวนนท์คนเดียว ชัชวาลย์มีดีกรีเป็นบุตรของสุเมธ เจียรวนนนท์ ประธานบริหารกลุ่ม บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย นั่นคือกลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์

รายงานจาก Fortune ชี้ว่าการทำธุรกรรมทั้งหมดจะเสร็จสมบูรณ์ในปีนี้ 2018 โดยการลงทุนที่เกิดขึ้นเป็นการลงทุนส่วนบุคคลสำหรับชัชวาลย์ ซึ่งทำให้เขาสามารถครอบครองสื่ออายุ 88 ปีอย่าง Fortune 

ขายหัวอื่นด้วย

การขาย Fortune ของ Meredith ถือว่าไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงธุรกิจหลัก เนื่องจาก Meredith ได้สิทธิ์ครอบครอง Fortune เพราะเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อกิจการบริษัทยักษ์ใหญ่ในนิวยอร์กอย่าง Time Inc ในเดือนมกราคมที่ผ่านมาด้วยมูลค่า 1.8 พันล้านเหรียญ แต่แล้ว 2 เดือนต่อมา Meredith ก็ประกาศนโยบายว่าจะขายแบรนด์สื่อเก่าแก่ที่สุดบางส่วนในพอร์ทฟอลิโอของ Time Inc ได้แก่ Time, Fortune, Money และ Sports Illustrated ทำให้ Fortune เป็นแบรนด์ที่ 2 ที่ถูก Meredith จำหน่ายออกไปก่อนใคร

แบรนด์แรกที่ Meredith ขาย คือ Time ที่บรรลุดีลกับซีอีโอ Marc Benioff แห่ง Salesforce และภรรยาในเดือนกันยายน ที่ราคา 190 ล้านเหรียญสหรัฐ

การซื้อ Fortune ของชัชวาลย์ เจียรวนนท์จึงเกิดขึ้นในมูลค่าที่ต่ำกว่า 40 ล้านเหรียญ จุดนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าชัชวาลย์มองเห็นอะไรใน Fortune แต่แถลงการณ์ของชัชวาลย์ย้ำว่าวิสัยทัศน์ของบริษัทคือการสร้าง Fortune ให้เป็นแบรนด์สื่อธุรกิจชั้นนำของโลกต่อไป โดยผู้ใช้จะสามารถเปิดอ่านได้ตลอดเวลา ขณะเดียวกันก็สามารถรับทราบข้อมูลข่าวน่าสนใจทั่วโลก

สำหรับ Fortune นั้นก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.. 2473 (1930) ในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ไม่กี่ปีหลังจากที่นิตยสารพี่น้องอย่าง Time ประกาศผลการดำเนินงานและเปิดตัวการจัดอันดับบริษัทของ Fortune 500 แบรนด์หัว Fortune ก็กลายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ และพร้อมแข่งขันกับ Bloomberg News หน่วยงานหนึ่งในเครือ Bloomberg LP ในการให้ข่าวสารและข้อมูลข่าวการเงิน

โครงสร้างยังไม่เปลี่ยน

ด้าน Alan Murray ถูกระบุว่าจะยังคงเป็นผู้นำในทีมนิตยสาร Fortune โดยนั่งเก้าอี้ประธานและซีอีโอ ขณะที่ Clifton Leaf ยังเป็นบรรณาธิการบริหารต่อไป

ไม่ว่าจะได้รับกำไรมหาศาลเท่าใด แต่ Meredith ย้ำว่าการขายแบรนด์ข่าวและกีฬาของบริษัท นั้นทำให้บริษัทมีโอกาสมุ่งเน้นที่แบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่เน้นกลุ่มผู้อ่านเป็นผู้หญิง ซึ่งจะเหมาะกับแบรนด์หนังสือที่ Meredith มีอยู่ โดยยอมรับว่าจะนำรายได้จากการขายแบรนด์ Fortune ไปใช้ชำระหนี้สินคงค้างต่อไป

โลกทึ่งเจียรวนนท์

การลงทุนครั้งนี้ของชัชวาลย์ ทำให้เจียรวนนท์ถูกเหมาเข้ากับกลุ่มนักลงทุนต่างชาติจากตระกูลร่ำรวย ซึ่งเป็นเจ้าของหรือมีส่วนร่วมในสื่อมวลชนสหรัฐฯ คนกลุ่มนี้มีไม่มาก แต่เป็นกลุ่มที่น่าสนใจเพราะมีหลายเชื้อชาติ

ตัวอย่างเช่น Axel Springer ซึ่งเป็นผู้รับมรดกจากมหาเศรษฐี Friede Springer ชาวเยอรมันรายนี้เป็นเจ้าของ Business Insider ด้วยการซื้อหุ้นประมาณ 43% ในปีพ.. 2558 ราคาเบาๆ 450 ล้านเหรียญ

ยังมีกลุ่ม Holtzbrinck Publishing สำนักพิมพ์สัญชาติเยอรมันก็ตัดสินใจถือหุ้น 53% ของนิตยสาร Nature and Scientific American พร้อมกับร่วมทุนกับบริษัท BC Partners จุดนี้น่าสนใจมากว่า Holtzbrinck เป็นบริษัทของเศรษฐีเยอรมันชื่อ Stefan von Holtzbrinck และน้องสาวของเขา Monika Schoeller

นอกจากเศรษฐีเยอรมัน ยังมีบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของเม็กซิโกอย่าง Carlos Slim ที่ถือหุ้นส่วนน้อยในหนังสือพิมพ์ New York Times แม้แต่ Forbes Media ก็ยังถูกซื้อโดยบริษัท Integrated Whale Media (IWM) ในปี 2014 ซึ่งเป็นบริษัทของนักธุรกิจหลายคนในเอเชีย.

ที่มา