“บิ๊กไบค์หรู” เจอพิษเศรษฐกิจ ทำตลาดหด 12% “ไทรอัมพ์” งัดแผนออกรถใหม่ อัดโปรแรง กระตุ้นโค้งสุดท้ายของปี

Thanatkit

ใครจะเชื่อว่า “สินค้าหรู” ที่ถูกมองว่ามักไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจผันผวนเพราะฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มมีกำลังซื้อสูงอยู่แล้วหากแท้จริงแล้วก็ได้รับผลกระทบเหมือนกัน

ตัวอย่างที่กำลังเห็นได้ชัดคือกลุ่ม “รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์หรูแบรนด์ European และ USA (500 ซีซีขึ้นไป) ราคาขายต่อคัน 300,000 บาทขึ้นไป เซ็กเมนต์นี้เป็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง 4 แบรนด์หลัก คือ ไทรอัมพ์, ดูคาติ, ฮาร์ลีย์ เดวิดสัน และบีเอ็มดับเบิลยู

ข้อมูลจากกรมขนส่งทางบกระบุว่าตั้งแต่เดือนมกราคมตุลาคม ปี 2018 มีจำนวนรถที่จดทะเบียนทั้งสิ้น 4,805 คัน ลดลงถึง 12% จากปรกติที่จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 5-10% สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เชื่อว่า ทั้งปี 2018 เซ็กเมนต์บิ๊กไบค์หรูจะหดตัวไม่ต่ำกว่า 10% หรือคิดเป็นจำนวนไม่เกิน 6,000 คัน

จักรพงษ์ ศานติรัตน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัทไทรอัมพ์มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ให้เหตุผลที่เข้ามากระทบกับบิ๊กไบค์หรูมี 2 กลุ่มด้วยกัน คือ 1.กลุ่มที่อยากได้แต่ยังไม่มีเงินซื้อ ด้วยภาวะเศรษฐกิจทำไฟแนนซ์ปล่อยกู้ยากขึ้น และมีกฎที่เพิ่มด้วยเช่น หลักฐานการกู้ หรือ เงินดาวน์ที่ต้องมีคนค้ำและเพิ่มวงเงินจาก 20% ขึ้นไปเป็น 25-30%

2.มีเงินแต่ยังไม่อยากซื้อ ยังรอดูภาพรวมของตลาด รวมถึงรอรถรุ่นใหม่ๆ ที่กำลังจะเปิดตัวในงาน Motor Expo 2018 ที่กำลังจะจัดขึ้นในวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคมนี้ ขณะที่บางส่วนนำเงินไปซื้อรถยนต์ก่อนแล้ว ด้วยมีความจำเป็นมากกว่าซื้อมอเตอร์ไซค์

ฟาก “ไทรอัมพ์” ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันยอดจดทะเบียน 10 เดือนอยู่ที่ 2,175 คัน ลดลงกว่า 15% โดยหลักๆ มาจากกลุ่มลูกค้าพนักงานทั่วไป มีเงินเดือนประจำที่คิดเป็นสัดส่วนถึง 50% กับกลุ่มที่เพิ่งเป็นเจ้าของกิจการ เริ่มมีเงิน อีก 20% กลุ่มนี้มีบางส่วนกระทบจากเศรษฐกิจ ส่วนกลุ่มที่ไม่กระทบเลยคือเจ้าของกิจการระดับไฮเอนด์ มีสัดส่วน 30%

ถึงไทรอัมพ์ยอดขายจะลดลง แต่ส่วนแบ่งตลาดกลับไม่ลดลงตาม ตรงกันข้ามเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ จาก 44% เป็น 45% รั้งเบอร์ 1 ในกลุ่มนี้อยู่ โดยไทรอัมพ์ตั้งเป้ารักษาส่วนแบ่งระดับนี้ไปจนถึงสิ้นปีให้ได้”

ขณะเดียวกันไทรอัมพ์ได้ปรับเป้าหมายใหม่ของปี 2018 จากต้นปีวางไว้ 3,000 คัน ลดเหลือ 2,500 คัน เพื่อให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ไทรอัมพ์ ได้งัดแผนออกมากระตุ้นโค้งสุดท้ายของปี 2 ส่วนด้วยกัน

ส่วนแรกคือตัดสินใจเปิดตัวรถรุ่นใหม่เป็นรถมอเตอร์ไซค์คลาสสิกสายลุยที่มาพร้อมเครื่องยนต์แรงบิดสูงสูบคู่ขนาด 1,200 ซีซี และเกณฑ์มาตรฐานใหม่ทั้งหมด นำเสนอความสามารถแบบ Dual Purpose และสไตล์การตกแต่งแบบโมเดิร์น

จำนวน 2 รุ่นได้แก่ “สแครมเบลอร์ 1200 เอ็กซ์ซี” (Scrambler 1200 XC) ราคาอย่างเป็นทางการยังไม่ได้เคาะ มีแต่ราคาประมาณการอยู่ที่ไม่เกิน 613,000 บาท ส่งมอบรถได้เดือนมีนาคม 2019 และ “สแครมเบลอร์ 1200 เอ็กซ์อี’’ (Scrambler 1200 XE) ไม่เกิน 656,000 บาท พร้อมส่งมอบได้เดือนกุมภาพันธ์ 2019 เป็นต้นไป

ทั้ง 2 รุ่นถูกเปิดตัวในเมืองไทยเป็นแห่งที่ 2 ของโลก ต่อจากการเปิดตัวที่ลอนดอนเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา จักรพงษ์ บอกว่า ทั้งคู่ได้รับการผลิตจากโรงงานในเมืองไทย จึงสามารถเปิดตัวได้เร็วกว่าที่อื่นๆ

แผงหน้าปัด TFT

ส่วนมาตรการกระตุ้นที่สองคืออัดโปรแรง Motor Expo 2018 ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยถ้าซื้อรถในรุ่นที่กำหนดจะได้รับ Gift Voucher มูลค่า 30,000 – 50,000 บาท สำหรับซื้อแอคเซสเซอรี่เช่น หมวกและเสื้อ เป็นต้น Gift Voucher ที่ได้รับมากกว่าปรกติที่จะให้แค่ 10,000 – 20,000 นอกจากนี้ฟรีจดทะเบียนและประกัน 2 ปีด้วย

อย่างไรก็ตามช่วง 3 ปีมานี้บริษัทแม่ของไทรอัมพ์ได้ลงมาดูแลการทำตลาดเอง จากก่อนหน้านี้ภาพของแบรนด์ยังไม่ชัดมาก และไม่แมสเท่าที่ควร ลูกค้ามักจะซื้อจากการบอกต่อของเพื่อนฝูง การเข้ามาได้เดินเกมตลาดใหม่ ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้แมส เข้าหากลุ่มลูกค้าใหม่ๆ พยายามมีกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างคอมมูนิตี้สำหรับกลุ่มผู้ใช้ ไทรอัมพ์

ปัจจุบันยอดขายไทรอัมพ์กว่า 90% เป็น Classic และที่เหลือ Adventure, Naked อย่างละ 5% มีศูนย์จำหน่ายที่เป็นของดีลเลอร์ทั้งหมด 14 แห่ง ช่วงปลายปีนี้กำลังจะเปิดแห่งสาขา 15 ที่นครราชสีมา โดยตั้งแต่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้มีการปรับขึ้นราคารถบางรุ่น 3-5% ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของบริษัทแม่.