นับเป็นปมร้อนในแวดวงทีวีดิจิทัล หลังจากที่ เจเอสแอล ได้ตัดสินใจยุติรายการ กิ๊กดู๋สงครามเพลงเงาเสียง, รายการกิ๊กดู๋ ซุปตาร์เงินล้าน ที่ออกอากาศช่อง 7 มาเป็นเวลานาน โดยย้ายไปออกอากาศทางช่องพีพีทีวีแทน เริ่มเดือนมกราคมเป็นต้นไป เพราะไม่สามารถแบกรับ “ค่าเช่าเวลา” ได้
แต่แล้วช่อง 7 ได้ส่งจดหมายให้ยุติออกอากาศกะทันหัน ตั้งแต่เดือนธันวาคม ทั้งๆ ที่เจเอสแอลได้อัดเทปล่วงหน้าไป เจเอสแอลต้องมาออกอากาศทางออนไลน์แทน และส่งผลกระทบต่อสปอนเซอร์รายการ
ล่าสุด จำนรรค์ ศิริตัน หนุนภักดี ประธานกรรมการ บริษัทเจเอสแอล โกบอล มีเดีย จำกัด ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงที่มาว่า เจเอสแอลทำงานร่วมกับช่อง 7 มาเป็นเวลาถึง 32 ปี ผลิตรายการจำนวนมาก ตั้งแต่วิก 07 จันทร์กะพริบ รายการกิ๊กดู๋สงครามเพลงเงาเสียง, รายการกิ๊กดู๋ ซุปตาร์เงินล้าน ฯลฯ ละคร,เงา, อตีตา, ละอองดาว และล่าสุดที่เพิ่งจบไป เล่ห์รักบุษบา
“บิสซิเนสโมเดลของช่อง 7 คือ ให้เช่าเวลากับผู้จัด และให้ผู้จัดไปโฆษณาเอง ซึ่งในช่วง 32 ปีที่ทำงานร่วมกันมา เจเอลแอลจ่ายเงินค่าเช่าเวลาให้กับช่อง 7 มาไม่น้อยกว่า 2,000 – 3,000 ล้านบาท พอๆ กับจ่ายค่าสัมปทานเลยด้วยซ้ำ แต่เจเอสแอลก็ได้รายการมาเยอะเช่นกัน ต้องถือว่าต่างกันต่างให้ซึ่งกันและกัน”
แต่เมื่ออุตสาหกรรมทีวีเปลี่ยนแปลง สถานีทีวีได้รับผลกระทบ รายได้ตกต่ำลง จากที่เคยกำไรก็ต้องเจอปัญหาขาดทุน เพราะต้องเจอทั้งช่องคู่แข่งที่เพิ่มขึ้น และออนไลน์ที่มาแย่งชิงเม็ดเงินโฆษณาจากสปอนเซอร์ ส่งผลกระทบถึงผู้จัดรายการอย่าง เจเอสแอล ที่ต้องเจอโจทย์ 2 เด้ง ทั้งรายได้โฆษณาลดลง นอกจากหาโฆษณายากแล้ว ยังต้องขายโฆษณาแข่งกับสถานีโทรทัศน์ ซึ่งแพ็กเกจใหญ่ก็ยิ่งขายได้ลำบากมากขึ้น จึงได้ทำหนังสือแจ้งถึงความเดือดร้อนไปถึงช่อง 7 เรื่อยมา
ฉบับแรกวันที่ 26 สิงหาคม 2559 ขอลดค่าค่าเช่าเวลา
ฉบับที่สอง วันที่ 27 ตุลาคม 2560 ขอคืนเวลารายการจันทร์พันดาว รู้สู้ฝัน และขอลด 50% รายการกิ๊กดู๋สงครามเพลงเงาเสียง
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2561 ได้ร่วมกับผู้จัด คือบริษัท กันตนา บริษัททริปเปิ้ลทู บริษัท เซ้นส์ เอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด, บริษัท Heliconia (บริษัท เฮลิโคเนีย เอช กรุ๊ป จำกัด) ทำหนังสือขอให้สถานีช่วยเหลือ โดยการลดค่าเวลา ขอยกเลิกแบงก์การันตี และไม่ให้สถานีขายโฆษณาแข่งกับผู้จัด เพราะฉะนั้นทางสถานีได้ทราบมาโดยตลอดเวลา ว่าผู้จัดกำลังมีปัญหา สิ่งที่ได้รับคือการผ่อนคลายเรื่องเซนเซอร์โฆษณา
“มาถึงจุดนี้ ผู้ผลิตรายการเริ่มทยอยปิดตัว อย่างรายการที่นี่หมอชิต ของดู๋สัญญา คุณากร ปิดบริษัทเลย เพราะไม่สามารถต่อสู้ค่าใช้จ่าย ทางเจเอสแอลเองก็จำเป็นต้องยุติการทำธุรกิจกับช่อง 7 เพราะไม่สามารถขายโฆษณาแข่งกับสถานีได้ ราคาค่าโฆษณาตกต่ำเรื่อยมา แต่ค่าใช้จ่ายในการผลิตรายการและค่าเวลาไม่ได้ลดลง ถึงจะเคยลดให้บ้างแต่ก็ยังไม่สามารถบรรเทาความเดือดร้อนได้ ถ้าขืนต้องทำต่อไป ก็คงต้องปิดบริษัท”
จำนรรค์ บอกว่า ได้หาทางออกด้วยการเจรจากับช่องทีวีหลายแห่ง เพื่อเปลี่ยนจากผู้จัด มาเป็นผู้รับจ้างผลิต ซึ่งบางราย “ไทม์แชริ่ง” หรือแบ่งเวลาโฆษณา แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เพราะต้องขายโฆษณาแข่งกับสถานีอยู่ดี ในขณะที่ พีพีทีวี เสนอทางเลือกมาถึง 3 ทาง 1.เช่าเวลา 2.ไทม์แชริ่ง และ 3.จ้างผลิต ซึ่งบริษัท เจเอสแอลฯ คิดว่าทางเลือกที่ 3 ตอบโจทย์การแก้ปัญหาที่สุด พีพีทีวีเองก็เข้าใจธุรกิจนี้ดี และเขาต้องการรายการมาดันเรตติ้งของช่องให้ติดท็อป 10 จึงได้ตกลงกันในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2561
จากนั้น เจเอสแอลจึงได้ทำหนังสือทันทีเพื่อแจ้งยุติรายการกิ๊กดู๋สงครามเพลงเงาเสียง จะสิ้นสุดสัญญาการออกอากาศในวันที่ 25 ธันวาคม 2561 และรายการกิ๊กดู๋ ซุปตาร์เงินล้าน สิ้นสุดการออกอากาศในวันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม 2561 กับช่อง 7 หนังสือลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งจำนรรค์ระบุว่าได้ไปยื่นด้วยตนเอง เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2561 เป็นการแจ้งล่วงหน้าก่อนถึง 40 วัน ตามเงื่อนไขที่ช่อง 7 กำหนดไว้ว่า ถ้าไม่ต่อสัญญา ต้องแจ้งก่อน 30 วันล่วงหน้า จึงมิใช่เป็นการแจ้งกะทันหัน
“แต่พอหลังจากนั้น ทางช่อง 7 แจ้งให้เลิกรายการกิ๊กดู๋ แค่ 2 วัน เช่น จะออนแอร์วันเสาร์ แจ้งมาวันพฤหัส โดยเหตุผของการยกเลก จะหารายการที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์มาลงแทน ซึ่งช่อง 7 ก็ไม่ผิด เพราะสัญญาเขียนสามารถเปลี่ยนแปลงรายการได้ เขาทำถูกต้องตามสัญญา แต่ที่เหนือกว่าสัญญา คือ ความเป็นธรรม”
ส่งผลให้เจเอสแอลต้องสูญเสียรายได้ทันที 20 ล้านบาท เนื่องจากได้อัดเทปรายการไว้ล่วงหน้าไว้ทั้ง 2 รายการ จำนวน 6 เทป รวมมูลค่า 20 ล้านบาท
“อยู่ในวงการมา 40 ปี เจเอสแอลไม่เคยหักหลังใคร อยู่กับช่อง 7 มา 32 ปี ไม่เคยเปลี่ยนใจ แม้จะไปทำกับช่องอื่นก็ไม่ใช่รายการบันเทิง ซึ่งเราต้องเจอภาวะตกต่ำ ต้มยำกุ้ง การเมือง แต่เราไม่เคยทิ้งช่อง 7 ยังคงจงรักภักดี รู้คุณตลอดเวลา เพียงแต่ไม่สามารถต่อสู้ต่อไปได้ ซึ่งช่อง 7 มีโมเดลเดียวคือขายเวลา แม้แต่ไทม์แชริ่งก็ยังไม่มี ในเมื่อเราไม่มีที่ยืนแล้ว ก็จำเป็นต้องยุติรายการลง”
ทิศทางของเจเอสแอล ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป จึงเปลี่ยนจาก “ผู้จัด” มาเป็น “ผู้รับจ้างผลิต” ให้กับทีวีทุกช่อง ทุกแพลตฟอร์มรวมทั้งออนไลน์ ครอบคลุมทั้งเกมโชว์ ทอล์กโชว์ สารคดี รวมทั้งละคร ที่จะบุกในปีหน้า โดยจะเน้นด้วยการออกแบบรายการให้เข้ากับช่องที่เป็นลูกค้า เช่นทรูโฟร์ยู ช่องวัน ผลิตรายการให้ไลน์ทีวี “วันนี้ไม่มีแม่” เอามาจากญี่ปุ่นมารีเมก
นับเป็นการเปลี่ยน “โมเดลการทำธุรกิจ” เพื่อความอยู่รอด และขยายอาณาจักรของเจเอสแอลให้กว้างขึ้น ซึ่งพีพีทีวีก็ไม่ได้ผูกมัด แต่เปิดกว้างให้เจเอสแอลผลิตรายการให้ช่องอื่นๆได้ จึงทำให้ต้องลาจากช่อง 7
“เจเอสแอลไม่เคยทอดทิ้งผู้มีพระคุณไปอย่างปัจจุบันทันด่วน แต่เราต้องรับผิดชอบพนักงานเป็นร้อยๆ คน ที่สำคัญ ความเสียหาย เรื่องเงินสามารถหาได้ แต่สปอนเซอร์ได้รับความเสียหายมาก คนยังรักช่อง 7 รักรายการกิ๊กดู๋ จะเห็นเลยว่าพอมาออกที่ออนไลน์ ยอดคนดูเพิ่มอีก 400% การตัดสินใจอย่างนี้ อย่าให้เกิดขึนกับคนอื่นๆ เลย ลดละเลิก ตัวตนกันเถอะ ทุกคนต้องอยู่ด้วยการช่วยกัน”.