Facebook เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่เกิดแล้วโตไม่หยุด และนับวันยิ่งถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาดมากขึ้น จนล่าสุดมีผลสำรวจที่ Brand Rebuplic เว็บข่าวออนไลน์ได้เปิดเผยว่า แบรนด์ดังๆ ในอเมริกา 100 แบรนด์ มีจำนวน 4 ใน 5 แบรนด์ หรือ 85 ใน 100 แบรนด์ ที่ใช้ Facebook เป็นเครื่องมือทางการตลาด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเทรนด์ของธุรกิจในอเมริกากำลังใช้สื่อนี้เป็นสื่อหลักอย่างชัดเจน
ตัวอย่างแบรนด์ดัง ๆ เช่น โคคา โคล่า, เอ็กซ์พีเดีย ใช้ Facebook โดยสร้างหน้า Fan Page และ แอพพลิเคชั่นอื่นเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้อินเตอร์แอคทีฟ เพื่อสร้างประสบการณ์ร่วมกับแบรนด์โดยไม่ได้ใช้แบนเนอร์โฆษณาแบบเดิมแล้ว หรืออย่างสตาร์บัคส์ ที่นอกจากมี Fan Page ที่มีแฟนๆ อยู่แล้ว 3.7 ล้านคนแล้ว (จากผู้ใช้ Facebook ทั้งหมด ณ 10 สิงหาคม 2009 ประมาณ 250 ล้านคน) ยังสามารถสร้างแผนลอยัลตี้โปรแกรมได้โดยที่ลูกค้าไม่ได้รู้สึกว่ายังคงหลงรักแบรนด์เพราะโฆษณา เช่น การแจก Pints เพื่อให้ลูกค้ารับคูปอง ซึ่งก็ได้ผลตอบรับอย่างดี
อย่างที่รู้กันว่า Facebook เป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ทำให้สินค้าสามารถสื่อสารได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง เพราะไม่ว่าคนที่จะเข้ามาร่วมเป็นสมาชิกใน Fan Page หรือเล่นแอพพลิเคชั่นที่เจ้าของแบรนด์สร้างขึ้น ก็ล้วนมาจากความสมัครใจของลูกค้าทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นใน Facebook แม้เราจะไม่เห็นรูปแบบโฆษณาชัดเจนมากนัก แต่หากมองเข้าไปแล้ว จะเห็นกิจกรรมทางการตลาดมากมายในนั้น ที่สำคัญยังเป็นสื่อที่ฟรี จึงทำให้แบรนด์ทั้งหลายกระหน่ำกันเข้ามาใช้
แต่อีกด้านหนึ่งก็มีผลเสียหากใช้ไม่ถูกทาง โดยเฉพาะเมื่อพนักงานของบริษัทนั้นเผอเรอ เช่น เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา Primark ต้องออกมาขอโทษลูกค้า เพราะพนักงานของ Primark โพสต์คอมเมนต์แรง ๆ ด้วยการเรียกลูกค้าว่าอ้วน พิคกี้ และอื่นๆ ที่ค่อนข้างหยาบคาย จึงเป็นข้อเตือนใจอย่างดีให้อีกหลายแบรนด์ ทั้งที่ใช้ Facebook อยู่แล้ว และที่กำลังเล็งจะเข้ามาในเครือข่ายนี้