ทั่วโลกกำลังตื่นตัวกับ “เศรษฐกิจแบ่งปัน” หรือ Sharing Economy ซึ่งมีคำนิยาม คือ การนำที่พักอาศัย รถยนต์ หรือเวลามาสร้างบริการจนเกิดเป็นรายได้ โดยมีเทคโนโลยีเป็นตัวกลางเชื่อมให้บริการเหล่านี้ เข้าถึงผู้ใช้งานได้ง่ายและกว้างขึ้น
ข้อมูลจากหนังสือ “At Home Around the World” ซึ่งเขียนโดย 2 ผู้บริหารจาก “อโก้ด้า” แพลตฟอร์มจองที่พักออนไลน์ โรเบิร์ต โรเซ็นสไตน์ และ ปีเตอร์ อัลเลน ระบุว่า Sharing Economy ทั่วโลกกำลังเติบโตขึ้น 30% ต่อปี ขณะที่ธุรกิจการให้เช่าที่พักแบบดั้งเดิม เช่น โรงแรม ได้รับการคาดการณ์ว่าจะเติบโต 3% ต่อปี
และภายในปี 2025 Sharing Economy จะเติบโตจนมีขนาดเท่ากับตลาดที่พักให้เช่าแบบดั่งเดิม นอกจากนี้ยังมีการคาดคะเนว่า รายได้รวมทั่วโลกจากอุตสาหกรรมเปิดบ้านให้เช่าเพียงอย่างเดียวจะสูงถึง 169,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อถึงสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นการเติบโตขึ้นประมาณ 2-4 เท่า และยังเป็นการเติยโตที่รวดเร็วเท่ากับเศรษญกิจโลก
เทรนด์การนำที่พักส่วนตัวมาให้เช่า กำลังเติบโตตามความต้องการท่องเที่ยวในรูปแบบนี้มากขึ้น ยิ่งเป็นคนรุ่นใหม่วิธีนี้ตอบโจทย์อย่างมาก เพราะทำให้พวกเขาสามารถเข้าไปสัมผัสวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่นได้จริงๆ
อีกทั้งเมื่อนอนโรงแรม ยิ่งใจกลางเมือง จะมีห้องไม่ใหญ่มาก ต่างจากที่พักส่วนตัว จะได้ห้องที่กว้างขวาง ซึ่งมาพร้อมกับครัวที่ทำอาหารได้ รวมไปถึงบางแห่งยังมีเครื่องซักผ้าให้อีกด้วย นอกจากนี้นักท่องเที่ยวที่ใช้บริการที่พักให้เช่า มักจะอยู่นานขึ้น 25-50%
จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกระตุ้น “อโก้ด้า” ให้ความสนใจ “ธุรกิจบ้านพักส่วนตัวให้เช่า” มา 2-3 ปีแล้ว ณ วันนี้อโก้ด้ามีจำนวนที่พักที่ไม่ใช่โรงแรมรวมกันทั่วโลกกว่า 1.1 ล้านแห่ง เพิ่มขึ้นราว 2 แสนแห่งจากปีก่อน โดย 3 ประเทศที่มีมากสุดได้แก่สหรัฐอเมริกา 141,520 แห่ง, อิตาลี 93,220 แห่ง และโครเอเชีย 78,300 แห่ง
ขณะเดียวกัน “เมืองไทย” เป็นอีกหนึ่งประเทศที่อโกด้าให้ความสำคัญ เพราะทั้งไทยและกรุงเทพฯ ต่างเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท้องเที่ยวทั่วโลกอยากมาเยือน จนติดอันดับแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของหลายๆ สำนักวิจัย โดยอโกด้ามีที่พักในไทยทั้งสิ้น 91,230 แห่ง มีจำนวนที่พักที่ไม่ใช่โรงแรมประมาณ 19,180 แห่ง
โรเบิร์ต โรเซ็นสไตน์ ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท Agoda Company กล่าวว่า
“การเข้ามาของ Sharing Economy สร้างผลกระทบต่ออโก้ด้า ให้ต้องเปลี่ยนมุมมอง คิดและทำงานหนักมากขึ้น ทั้งการจัดการภายในองค์กร การลงทุนด้านการเงิน และหาคนมาทำงานมากขึ้นเพื่อตอบโจทย์ แต่เราเชื่อว่าเทรนด์นี้เป็นทิศทางที่อโกก้าจะเดินต่อไปในอนาคต”
แน่นอนการเข้ามาของ Sharing Economy ย่อมกระทบกับ “โรงแรม” เพราะถือว่าเข้ามาชิงลูกค้าไปโดยตรง แต่ “โรเบิร์ต” กลับบอกว่า ไม่ใช่ทุกโรงแรมที่กลัว อย่างคำพูดของผู้บริหารของเครือโรงแรม แอคคอร์ บอกว่า การเข้ามาของ Sharing Economy โดยเฉพาะ แอร์บีแอนด์บี (Airbnb) ทำให้บริษัทของเขาเป็นบริษัทที่ดีขึ้น ด้วยเกิดการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ทันกับสิ่งที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่ “อุตสาหกรรมที่พักให้เช่า” ก็ต้องเผชิญการแข่งขันที่ท้าทายจาก “แอร์บีแอนด์บี” ยักษ์ใหญ่ในวงการนี้ ซึ่งมีทั้งที่พักจำนวนหลักล้าน และชื่อเสียงที่คุ้นเคยกับผู้ใช้งานทั่วโลกอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ “อโกด้า” แตกต่างคือ ภายในแพลตฟอร์มมีทั้งการจองที่พักแบบโรงแรม และที่พักให้เช่าไว้เป็นตัวเลือก และยังมีบริการจองตั๋วเครื่องบินด้วย
สำหรับทิศทางต่อไปของ “อโกด้า” โรเบิร์ต บอกว่า ยังให้ความสำคัญกับทั้งโรงแรม และที่พักให้เช่า ซึ่งต่อไปเชื่อว่าผู้บริโภคจะแยกความแตกต่างระหว่างทั้ง 2 ได้น้อยลงไปเรื่อยๆเพราะในระยะหลังหลายโรงแรมเริ่มปรับตัวแล้ว เช่นโรงแรมในฮ่องกงมีการทำหนังสือเล็กๆ รวมร้านอาหารบริเวณใกล้เคียงให้ลูกค้าได้สั่ง หรือบางโรงแรมก็เพิ่มพื้นที่ครัวเข้ามา
ส่วนการทำตลาดจะเน้นขายที่โปรดักต์ที่แข็งแรง มากกว่าการทุ่มเงินไปกับการซื้อสื่อ เพราะเชื่อว่าการมีบริการที่ดี จะดึงดูดให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการได้มากกว่า ขณะนี้การจองที่พักโรงแรมเป็นบริการที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดของอโกด้า ตามด้วยที่พักให้เช่าและจองตั๋วเครื่องบิน
สำหรับอโกด้า ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ Booking Holdings Inc. (NasDaq BKNG) มีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศสิงคโปร์ และสำนักงานย่อยอีก 53 แห่ง ในเมืองใหญ่กว่า 30 ประเทศ โดยให้บริการที่พักกว่า 2 ล้านแห่ง ใน 220 ประเทศ.