“กฤตย์ รัตนรักษ์” เจ้าของช่อง 7 ตั้ง “สรรสฤษดิ์ เย็นบำรุง” ขึ้นแท่นรองประธานกรรมการคุมบริหารธุรกิจในกลุ่มช่อง 7 รับการแข่งขันรุนแรงวงการทีวีดิจิทัล
แหล่งข่าวจากบริษัทกรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด หรือ บีบีทีวี หรือช่อง 7 เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกฤตย์ รัตนรักษ์ ประธานกรรมการบีบีทีวี ได้มีคำสั่งแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงคนใหม่ ในตำแหน่งใหม่ที่ไม่เคยมีใครมาก่อน โดยได้แต่งตั้งให้ นายสรรสฤษดิ์ เย็นบำรุง ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการบริหารบริษัท แมทชิ่ง แม็กซิไมซ์ โซลูชัน มารับตำแหน่ง รองประธานกรรมการบริษัทบีบีทีวี ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดรองจากกฤตย์นั่นเอง
โดยสรรสฤษดิ์มีตำแหน่งสูงกว่าตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ ช่อง 7 ที่ปัจจุบัน สมเกียรติ เจริญภิญโญยิ่ง รักษาการในดำแหน่งดังกล่าวอยู่
ทั้งนี้ สรรสฤษดิ์ เป็นผู้บริหารที่มาจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธุรกิจเก่าแก่ของครอบครัวกฤตย์ โดยดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ของธนาคาร ในด้านกำกับดูแลสายงานบริหารทรัพย์สิน
สำหรับประวัติของสรรสฤษดิ์นั้น สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และปริญญาโท บริหารธุรกิจ (การค้าระหว่างประเทศ) STATE UNIVERSITY, TEXAS ประเทศสหรัฐอเมริกา
สรรสฤษดิ์ได้เริ่มเบนเข็มการบริหารจากธุรกิจธนาคารมาสู่วงการทีวีตั้งแต่ต้นปีนี้ ด้วยการเข้ามาเป็นบอร์ดในบริษัท แมทชิ่ง แม็กซิไมซ์ โซลูชัน ที่เป็นบริษัทผลิตคอนเทนต์ในเครือช่อง 7 ที่เป็นบริษัทจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา แมทชิ่งฯ ได้แจ้งตลาดฯ ว่า ได้มีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อกรรมการบริหารชุดใหม่ โดยมีคีย์แมนหลัก 5 คนในบอร์ดบริหาร ได้แก่ สรรสฤษดิ์ เย็นบำรุง ในฐานะประธานกรรมการบริหาร และมีกรรมการบอร์ดบริหารอีก 4 คน คือ ภูมิชาย วัชรพงศ์ CEO แมทชิ่งฯ , พัฒนพงค์ หนูพันธ์ จากช่อง 7 , ณัฐวิทย์ บุณยะวัฒน์ ผู้บริหารจากธนาคารกรุงศรีฯ และ ดร.เยาวลักษณ์ พูลทอง ซึ่งดูแลการคัดเลือกรายการและละครของช่อง 7
ตำแหน่งบิ๊ก คุมนโยบาย จากกฤตย์
หัวใจหลักในการบริหารงานช่อง 7 มีคอนเทนต์ที่สำคัญคือ ละคร ซึ่งการมาของสรรสฤษดิ์นี้ คาดว่าจะมีผลต่อการพิจารณาแนวทางละคร และรายการของช่อง 7 ใหม่ทั้งหมด จากเดิมที่มี ดร.เยาวลักษณ์ พูลทอง หรือ ดร.จุ๋ม เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบอยู่ในปัจจุบัน แต่ทั้งหมดก็ยังอยู่ภายใต้การตัดสินใจขั้นสุดท้ายจากกฤตย์ทั้งหมด
ในปี 2561 ความนิยมที่วัดมาในรูปแบบเรตติ้งของช่อง 7 ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเรตติ้งในรอบ 11 เดือนของปีนี้ มีเรตติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ 1.822 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่ได้เรตติ้งเฉลี่ยรวม 2.117 อีกทั้งเมื่อดูจากเรตติ้งเฉลี่ยรายเดือนของแต่ละเดือนในปีนี้ พบว่ามีเรตติ้งเฉลี่ยต่ำกว่าปี 2560 ทุกเดือน โดยมีสาเหตุสำคัญจากละคร ที่ได้เรตติ้งเฉลี่ยลดลง
ละครหลังข่าว 2 ทุ่มเป็นชุดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการแข่งขัน ละครเรื่องที่มีเรตติ้งต่ำที่สุดคือ “พ่อมดเจ้าเสน่ห์” 3.60 เท่านั้น ทั้งๆ ที่เป็นหนึ่งในละครที่ช่องตั้งความหวังไว้สูง เพราะเป็นละครภาคต่อ ตอนที่ 4 ของละคร “สาวน้อยในตะเกียงแก้ว” ที่สร้างชื่อเสียงให้กับช่องมากในทุกๆ ตอนที่ผ่านมา
ส่วนละครหลังข่าว 2 ทุ่ม ที่มีเรตติ้งเฉลี่ยสูงสุดคือ “สัมปทานหัวใจ” เรตติ้งเฉลี่ย 7.627 ทำให้ในปีนี้ไม่มีละครหลังข่าวเรื่องใดเลยของช่อง 7 ที่ได้เรตติ้งเกิน 10
ทั้งนี้ในวงการผู้จัด ผู้ผลิตละครให้กับช่อง 7 ต่างก็ได้รับแจ้งว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเลือกและอนุมัติละครในปีหน้าใหม่ด้วย ซึ่งคาดว่าจะมีความเข้มข้นมากขึ้น เพื่อรับมือการแข่งขัน
นอกจากเผชิญหน้ากับเรตติ้งลดแล้ว ในปีนี้ช่อง 7 ต้องเจอสถากการณ์ที่มีรายการหลักหลายรายการต้องปิดตัวไปเพราะสภาพเศรษฐกิจและโฆษณาที่ลดลง แต่ที่เป็นข่าวดราม่ามากที่สุดคือ รายการ “กิ๊ก ดู๋” ที่ต้องย้ายช่องไปอยู่ช่องเศรษฐีอย่าง พีพีทีวี ด้วยเงื่อนไขที่ผู้ผลิตอยู่รอดได้
ส่วนดาราในสังกัดช่อง 7 นั้น คาดการณ์กันว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงดาราหมดสัญญา จากช่อง 7 ไปเซ็นกับช่องอื่น เช่น ปุ๊กลุก ฝนทิพย์ วัชรตระกูล ที่กำลังไปพีพีทีวี และขอแยกตัวเป็นอิสระอีกหลายคน ซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศในต้นปีหน้า