แข่งกันเป็นที่ 2

ยำยำแผลงฤทธิ์ หวังขึ้นแท่นเบอร์ 2 ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ครองแชร์เท่ากับไวไว หลังรีลอนช์ “ยำยำ จัมโบ้ รสหมูสับ” เปลี่ยนโฉมแพ็กเกจจิ้ง ปรับปรุงสูตรใหม่ใช้วัตถุดิบจริงตามธรรมชาติเป็นส่วนผสม และใช้พรีเซ็นเตอร์ดัง บี้ เดอะสตาร์ หวังดันยอดขายให้พุ่ง

ด้านการสื่อสารการตลาดโดยใช้ TVC ผลงานของชูโอ เซ็นโกะ เป็นหัวหอก หวังผลงามตามรอยยำยำ จัมโบ้ รสต้มยำ ที่รีลอนช์ สูตรใหม่พร้อมพรีเซ็นเตอร์ พีค ภัทรศิยา ไปเมื่อพฤษภาคม 2552 และทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นมา 30% แล้ว

ซาโตรุ นาคามูระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร จำกัด ในเครืออายิโนะโมโต๊ะ (ประเทศไทย) ใช้ทั้งเพลงที่ติดหูและท่าเต้นที่ติดตาของบี้ใน tvc ชุดนี้ด้วย

“จะเป็นเบอร์ 2 ใกล้กับไวไว” เพราะยำยำเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรายแรกที่วางจำหน่ายในไทย ตั้งแต่ปี 2515 แต่ในปีเดียวกันนั้นเองไวไวก็ตามหลังออกมา และขับเคี่ยวกันจนถึงปัจจุบัน ผลปรากฏว่า ยำยำอยู่อันดับ 3 การออกแรงฮึดในครั้งนี้หวังเพื่อก้าวขึ้นเทียบไวไว โดยมีมาม่าเหลียวหลังมองอยู่ห่างๆ

ทั้งนี้ การเติบโตของยำยำสะท้อนด้วยการลงทุน 320 ล้านบาท ในโรงงานผลิตเครื่องปรุงและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งหลังจากขยายโรงงานแล้วจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 20% เป็น 800 ล้านซองต่อปี

ซาโตรุบอกว่า ปัจจุบันตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในไทยมีมูลค่าราว 12,000 ล้านบาท เติบโตราว 2-3% แต่ยำยำเติบโตราว 7-8% ซึ่งมากกว่าตลาดอันเป็นผลจากการรีลอนช์ยำยำ จัมโบ้ รสต้มยำ ดังกล่าว และการเลือกรีลอนช์รสหมูสับในครั้งนี้ เนื่องจากยำยำ จัมโบ้ รสหมูสับเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำยอดขายให้กับยำยำมากที่สุด หรือคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% ปัจจุบันยำยำ จัมโบ้ รสหมูสับมีส่วนแบ่งการตลาดในรสหมูสับ 27% และจากการขับเคลื่อนในครั้งนี้จะเพิ่มเป็น 30% ซึ่งจะรั้งอันดับ 2 รองจากมาม่า รสหมูสับ ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดกว่า 50%

ครั้งนี้เลือกใช้บี้ เดอะสตาร์ เป็นพรีเซ็นเตอร์เนื่องจากบี้แสดงถึงความเป็นมืออาชีพและพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง สอดรับกับแบรนด์ของยำยำ จัมโบ้ รสหมูสับ

“ในอนาคตจะทยอยรีลอนซ์ผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพราะเห็นผลด้านยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน”

ด้านไวไว ออกมาโต้กลับทันควันด้วย TVC ที่สร้างความฮือฮาพอควร เพราะแทนที่จะรีแพ็กเกจ หรือเลือกใช้พรีเซ็นเตอร์เหมือนกับคู่แข่ง กลับพลิกมุมเลือกตอกย้ำจุดขายและภาพลักษณ์เดิมๆ กับแพ็กเกจจิ้งเชยๆ สีเหลืองแดง ของ “ไวไว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปปรุงสำเร็จ” ซึ่งถือเป็น Flagship Product ของไวไวในจำนวนทั้งหมด 8 รสชาติ งานนี้นอกจากกระทบคู่แข่งแบบตรงๆ แล้ว ยังเท่ากับต้องการวางจุดยืนให้แตกต่างไปจาก ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของไวไว คือ ไวไวควิก ก็ผ่านการรีแพ็กเกจจิ้งและจะใช้พรีเซ็นเตอร์มาด้วยกันทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นหมึกแดง และเป้ย ปานวาด

แม้จะเป็นของเก่า แต่ว่ากันถึงไวไวรสต้นตำรับโบร่ำโบราณนี้ได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภคมาก ในเว็บไซต์ grocerythai.com มีจำหน่ายในราคา 12.50 เหรียญสหรัฐต่อหีบ (30 ซอง) ขณะที่ในตลาดค้าปลีกก็ไปได้สวยด้วยราคาจำหน่าย5 บาทต่อซองในรสชาติที่ผู้บริโภคคุ้นเคย

สำหรับปีนี้ภาพรวมยำยำใช้งบการตลาดทั้งปี 350 ล้านบาท เฉพาะแคมเปญนี้ใช้ไป 60 ล้านบาท โดยรวมเพิ่มขึ้นจากปี 2551 ราว 20-30% แสดงให้เห็นว่างานนี้ ยำยำ ต้องการยำคู่แข่งจริงๆ

ส่วนแบ่งการตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป (by brand)
มาม่า 50%
ไวไว 25%
ยำยำ 23.5%
อื่นๆ 1.5%

มูลค่าตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 12,000 ล้านบาท (by taste)
ต้มยำกุ้ง 50%
หมูสับ 35%
อื่น ๆ 15%

ที่มา : บริษัท วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร จำกัด

Did you know?
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถือกำเนิดครั้งแรกในโลกโดยชาวไต้หวัน ซึ่งครั้งนั้นถูกปกครองโดยญี่ปุ่น โดยใช้ชื่อว่า Chikin Rame