ยักษ์ใหญ่ผู้ให้บริการสตรีมมิ่งวิดีโอยอดนิยม “เน็ตฟลิกซ์” (Netflix) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2018 ทำรายได้รวม แต่กำไรต่อหุ้นลดลง ส่งผลให้นักลงทุนไม่เชื่อมั่นจนมูลค่าหุ้นลดฮวบ ทั้งที่ฐานสมาชิกบริการรายเดือนเพิ่มขึ้นหลายล้านรายในช่วงปลายปี จนทะลุหลัก 139 ล้านรายก็ตาม
Netflix รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2018 เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ระบุว่า สมาชิก Netflix ที่เพิ่มขึ้นทำให้รายได้รวม 4,190 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 132,986 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 27% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม กำไรต่อหุ้นของ Netflix เพิ่มขึ้นเป็น 30 เซ็นต์ ลดลงจาก 41 เซ็นต์ต่อหุ้น กำไรที่ลดลงตอกย้ำว่า Netflix เทเงินทุนเพื่อพัฒนาเนื้อหาจนทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงขึ้น ทำให้แม้จะมีรายได้มากขึ้น แต่อัตรากำไรกลับลดลงในช่วงไตรมาสปลายปี 2018
นักวิเคราะห์เชื่อว่า Netflix จะยังลงทุนเช่นนี้ต่อไป เพื่อดึงฐานสมาชิกให้เติบโตบน Netflix ต่อเนื่อง โดยสถิติล่าสุด ชี้ว่า Netflix มีสมาชิกใหม่ที่ยินยอมจ่ายเงินเพื่อชมวิดีโอกว่า 29 ล้านคนในปี 2018 ตัวเลขนี้มากกว่า 22 ล้านรายที่ทำได้ในปี 2017 การเพิ่มขึ้นนี้ส่งผลให้สมาชิกพรีเมียมของ Netflix มีจำนวนรวม 139 ล้านคน เพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ในจำนวนสมาชิกใหม่ 29 ล้านรายที่ Netflix เพิ่มจำนวนได้สำเร็จในปี 2018 ราว 8.84 ล้านราย เป็นสมาชิกใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมชม Netflix ในช่วงไตรมาส 4 จุดนี้ Netflix ภูมิใจมาก เพราะ 8.84 ล้านราย เป็นตัวเลขที่มากกว่าไตรมาส 4 ปีก่อนหน้า ซึ่ง Netflix ทำยอดสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้น 7.6 ล้านรายเท่านั้น
การเติบโตของสมาชิก Netflix ถูกมองว่าได้แรงหนุนจากคุณภาพเนื้อหาวิดีโอ ซึ่งทำให้สมาชิกมีความพึงพอใจที่ Netflix เผยแพร่เนื้อหาที่มีคุณภาพตลอดช่วงไตรมาสดังกล่าว หนึ่งในซีรีส์เด่นของ Netflix ในปลายปีที่ผ่านมา คือ ซีรีส์อย่าง “เบิร์ดบ็อกซ์” (Bird Box) ซึ่งมีผู้ชมเกินหลัก 40 ล้านราย
ใน 8.84 ล้านรายที่เป็นสมาชิกใหม่ Netflix ช่วงปลายปี 2018 พบว่า ราว 1.5 ล้านรายเป็นผู้อาศัยในสหรัฐอเมริกา และอีก 7.3 ล้านรายเป็นผู้อาศัยในประเทศอื่น ซึ่งคาดว่าจะมีชาวไทยรวมอยู่ในกลุ่มนี้เป็นจำนวนไม่น้อย เชื่อว่า ความร้อนแรงของ Netflix จะยังดำเนินต่อไปในไตรมาสปัจจุบัน.