ฮิตาชิ ส่ง “เบลล่า” ลุยศึกเครื่องใช้ไฟฟ้าพรีเมียม

Thanatkit

สถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่เป็นใจ กับอากาศที่ไม่ร้อนอย่างที่คิด เครื่องปรับอากาศที่ควรขายดีในหน้าร้อน ต่างขายไม่ออกกันเป็นทิวแถว ส่งผลให้ยอดขายปี 2018 ของฮิตาชิแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าแดนอาทิตย์อุทัย ทำได้ราว 5,500 ล้านบาท อยู่ในระดับทรงตัวไม่เติบโตหรือติดลบ แม้โชคดีรักษาส่วนแบ่งไว้ได้ก็ตาม

ถ้าแบ่งตามยอดขายของ ฮิตาชิ รายได้หลัก 45% มาจาก ตู้เย็น ทำส่วนแบ่งประมาณ 20% จากมูลค่ารวม 14,000 ล้านบาท รองลงมา เครื่องซักผ้า 25% มีส่วนแบ่งราว 10% ในตลาดมูลค่า 14,000 ล้านบาท และ 10-15% จาก เครื่องปรับอากาศ ครองเบอร์ 6 ในตลาดมูลค่า 25,000 ล้านบาท ที่เหลือมาจากเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็ก เช่น เครื่องฟอกอากาศ เครื่องดูดฝุ่น และเครื่องทำน้ำอุ่น เป็นต้น

แม้ยอดขายปีก่อนหน้าจะเสมอตัวทว่าในปี 2019 นี้ฮิตาชิหวังว่าจะทำยอดขาย 6,200 ล้านบาท เติบโตประมาณ 15% โดยวางตัวเองอยู่ในเซ็กเมนต์ พรีเมียม ราคาสินค้าเฉลี่ยแล้วแพงกว่าแบรนด์อื่นๆ ถึง 20% ความท้าทายจึงมีอยู่มาก

บุญชัยพุทธา โกฐิรัตน์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาดและฝ่ายขาย, รองผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบริการ บริษัท ฮิตาชิเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด มองว่า เศรษฐกิจจะโดดขึ้นมาดีกว่าปีที่ผ่านมา เพราะความแน่นอนในเรื่องเลือกตั้ง และอากาศที่เชื่อว่าจะกลับมา ร้อนในปีนี้ เพราะข้อมูลที่ฮิตาชิเก็บพบว่าทุกๆ 3 ปีอากาศจะกลับมาร้อน ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมาอากาศไม่ร้อน

ฮิตาชิจึงวางแผนไว้ล่วงหน้าโดยปรับไทม์ไลน์การเปิดสินค้าใหม่จากเดิมทยอยเป็นแต่ละไตรมาสมาเปิดตัวตูมตั้งแต่ปลายปีก่อน ทั้งตู้เย็น 30 โมเดล, เครื่องซักผ้าฝาบนขนาด 13-17 กิโลกรัม รุ่นยกเครื่องใหม่หมดจด และเครื่องปรับอากาศที่กำลังจะวางในปลายเดือนมกราคมนี้อีก 15 โมเดล เรียกได้ว่าเปิดปีมาก็มีสินค้าพร้อมขายทันที

นอกจากนั้นช่วง 2-3 ปีมานี้ ฮิตาชิยังได้ปรับกลยุทธ์ช่องทางการขาย ไม่ได้มุ่งไปที่ ทุกช่องทาง เหมือนกับแบรนด์อื่นๆ โดยโฟกัสเฉพาะช่องทางที่มีประสิทธิภาพ สามารถสื่อคุณภาพของสินค้าได้เป็นอย่างดี ในปีนี้จึงได้ตั้ง ฮิตาชิ แล็บ ปั้นคนฝ่ายขายโดยเฉพาะ

แต่ทั้งหมดทั้งมวลหมัดเด็ดที่ฮิตาชิตั้งความหวังและให้ความสำคัญไว้มากที่สุด คือการพลิกกลับมามี พรีเซ็นเตอร์ อีกครั้งในรอบ 15 ปี โดยฮิตาชิเลือก เบลล่าราณี แคมเปน เนื่องจากมีไลฟ์สไตล์รักสุขภาพ ดูแลตัวเองสม่ำเสมอ สอดคล้องไปกับฟังก์ชันที่ฮิตาชิต้องการสื่อ และยังครบรอบ 50 ปีของฮิตาชิในเมืองไทยอีกด้วย

การตั้งพรีเซ็นเตอร์ของฮิตาชิเรียกได้ว่าเดินตามสูตรที่ ต้องทำ ไปเสียแล้วสำหรับแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะการแข่งขันในวันนี้ฟังก์ชันของแต่ละแบรนด์เหมือนๆ กันไปหมดจนผู้บริโภคแยกไม่ออก การจะชักจูงให้ผู้บริโภคมา ซื้อสินค้า ก็ต้องมีตัวช่วยมาเป็นแม่เหล็กดึงดูด ซึ่งหลายๆ แบรนด์ก็มักจะเลือกดาราดังมาทำหน้าที่นี้

ที่ผ่านมาก่อนจะมาตั้งพรีเซ็นเตอร์ฮิตาชิเลือกที่จะทำแคมเปญสื่อสารโดยเน้นไปที่สินค้าเป็นหลัก ซึ่งแม้จะสร้างการรับรู้ก็จริงแต่ผู้บริโภคจำแบรนด์ไม่ได้ งานนี้ฮิตาชิถึงกับทุ่มงบการตลาดจาก 800 ล้านบาท เป็น 1,000 ล้านบาท เพื่อให้ เบลล่ามาปิดจุดอ่อนในเรื่องนี้

สาเหตุที่เลือก เบลล่านั้นบุญชัย บอกว่า มีตัวเลือกในมือ 4-5 ข้อทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่ที่เลือกเป็นผู้หญิงเพราะสินค้าที่วางขายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านทั้งนั้น การให้ผู้หญิงมาสื่อสารน่าจะเหมาะกว่า อีกทั้งพวกเธอยังเป็นคนที่มีอำนาจซื้อมากกว่า ซึ่งพรีเซ็นเตอร์ก่อนหน้านี้ของฮิตาชิ ก็เป็นผู้หญิงเช่นเดียวกัน คือ ป๊อป อารียา ที่มาพร้อมประโยคคิดปาก ที่ยังเป็นที่จดจำมาถึงทุกวันนี้ ป๊อปเลือกฮิตาชิ

ฮิตาชิไม่ได้หวังให้เบลล่ามาเพิ่มการจดจำแบรนด์เท่านั้น แต่ยังต้องสร้างการรับรู้ถึงระยะเวลาการรับประกันที่เพิ่มขึ้นจาก 1 ปีเป็น 3 ปี เพียงซื้อสินค้ามากกว่า 3,000 บาท ถือเป็นจุดต่างจากแบรนด์อื่นๆ ที่ปรกติแล้วเวลา 3 ปีจะให้กับเซ็กเมนต์บนๆ เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์พรีเซ็นเตอร์ของฮิตาชิในครั้งนี้ได้วางแผนทำต่อเนื่อง 3-5 ปี แต่ถ้าปีหน้าจะยังคงเป็น เบลล่าหรือไม่ ยังตอบไม่ได้ เพราะต้องรอดูผลลัพธ์กันปีต่อปี.