ครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่าครึ่งมาหลายปี ปัจจุบัน “รสดี” มีส่วนแบ่งการตลาด 62% เป็นอันดับ 1 ในตลาดเครื่องปรุงรส และทำรายได้ให้อายิโนะโมะโต๊ะถึง 1 ใน 3 จนเรียกได้ว่าเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก แต่ พิเชียร คูสมิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า ทำเท่านี้ยังไม่พอและต้องรุกหนักต่อไป
ในความเป็นผู้นำตลาดมานาน รสดีใช้โอกาสครบรอบ 30 ปี ตอกย้ำจุดแข็งของแบรนด์ด้วย Loyalty Program ต่างๆ หวังเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้เป็น 64% จับจุดผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกสบายต้องการความรวดเร็วในการเข้าครัวมากขึ้น โดยมุ่งขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ที่ทันสมัยด้วยการรีแพ็กเกจจิ้งให้ดูสดใสและเด็กลง รวมทั้งมีหลายขนาดมากขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่แตกต่างกัน
นอกจากนี้รสดียังเปิดตัวโฆษณาชุด “ฟู้ด โฟน” (Food Phone) เพื่อสื่อสารถึง Emotional Connection เน้นแนวคิดความรักความผูกพันในครอบครัวที่ส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งต้องการสื่อสารว่ารสดีเป็นส่วนประกอบหลักของอาหารในครอบครัวไทยมายาวนานกว่า 30 ปี ถือเป็น Mood & Tone ของภาพยนตร์โฆษณาที่เสริมภาพลักษณ์ของรสดีมาตลอด ขณะที่คู่แข่งเบอร์ 2 อย่างคนอร์ยังคงสื่อสารผ่าน Functional อยู่ โดยมี หน่อย บุษกร วงศ์พัวพันธ์ เป็นพรีเซ็นเตอร์ เชิญชวนให้กลุ่มเป้าหมายใช้คนอร์ อร่อยชัวร์
รสดียังใช้กลยุทธ์ CSR กับโครงการต่อเนื่องอย่าง “รสดีสร้างอาชีพ” ที่ร่วมมือกับกรุงเทพมหานครร่วมฝึกอาชีพด้านการปรุงอาหาร โดยพัฒนาสูตร “30 เมนูรสดี” รวมทั้งจัดอบรมให้ความรู้ในการพัฒนาธุรกิจร้านอาหารให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้น่าเชื่อถือ ดูใกล้ชิดและหวังที่จะเข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น และคาดว่าจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในโครงการนี้ได้ 6,000 คน
“ทุกวันนี้เครื่องปรุงรสมีหลายแบรนด์ แต่คนกลับรู้จักไม่เกิน 3 แบรนด์ เราจึงใช้ความได้เปรียบในการเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งสร้างความจดจำให้ผู้บริโภคต่อไป ทั้งรักษาฐานเก่าและสร้างฐานใหม่โดยมุ่งกลุ่มเป้าหมายไปที่ผู้บริโภคซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ให้มากขึ้น”
ที่ผ่านมารสดีมีอัตราการเติบโต 14% แต่โดยรวมในปีนี้คาดว่าธุรกิจจะเติบโตประมาณ 7% จากยอดขายปีที่ผ่านมาราว 3,300-3,400 ล้านบาท โดยรสดีเกินพื้นที่พอร์ตสินค้าในอายิโนะโมะโต๊ะประมาณ 15-20% และนับจากนี้จนถึงสิ้นปีจะใช้งบเพิ่มจากปีที่แล้ว 350 ล้านบาทเป็น 400 ล้านบาท แบ่งเป็นบีโลว์เดอะไลน์กว่า 60% ที่เหลือเป็น TVCในอนาคต พิเชียรคาดว่าตลาดเครื่องปรุงรสจะใหญ่กว่าตลาดผงชูรส เนื่องจากไลฟ์สไตล์อันเร่งรีบของผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว ดังนั้นจึงต้องทุ่มทุนกับรสดีอย่างเต็มที่
Positioning ผงปรุงรสคู่ครัวไทยปรุงได้หลายเมนู ที่ ต้ม ผัด แกง ทอด หอมอร่อยในพริบตา
Product Detail รสหมูและรสไก่ 20 กรัม 4 บาท / 80 กรัม 12 บาท/ 170 กรัม 25 บาท/ 450 กรัม 60 บาท/ 900 กรัม 100 บาท รสเนื้อ 20 กรัม 4 บาท/ 80 กรัม 12 บาท รสกระเทียม 80 กรัม 12 บาท
Target กลุ่มแม่บ้าน คนรุ่นใหม่ทั้งวัยทำงานตอนต้นคู่แต่งงานใหม่ ครัวเรือน และร้านอาหาร
Market Analysis รสดีครองส่วนแบ่งอันดับหนึ่งที่มากกว่าครึ่งในตลาดผงปรุงรส ซึ่งแข่งขันกันหลายแบรนด์แต่ตลาดยังมีการจดจำแบรนด์ได้น้อย การทำตลาดด้วย Loyalty Program เน้นย้ำการจดจำในแบรนด์ จะเป็นโอกาสให้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย
กราฟฟิค
มูลค่าตลาดรวมเครื่องปรุงรส 5,000 ล้านบาท (by segment)
ชนิดผง 60%
ชนิดก้อน 40%
ส่วนแบ่งการตลาดเครื่องปรุงรส (by brand)
รสดี 62%
คนอร์ 35%
อื่นๆ 3%
Did you know?
ครอบครัวไทยกว่า 75% นิยมใช้ผงปรุงรสช่วยในการปรุงอาหารภายในครอบครัว และ Consumer Insight ของผู้บริโภคยังแสดงให้เห็นว่า ต้องการผงปรุงรสที่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบหลักในปริมาณที่มากขึ้น