ภาพรวม “ตลาดรถยนต์หรู” ในเมืองไทย สร้างรอยยิ้มให้กับทุกค่ายเป็นอย่างมาก สามารถทำยอดขายเติบโต 13% หรือคิดเป็นตัวเลข 31,000 คัน
แต่ค่ายที่ดูจะมีรอยยิ้มมากกว่าค่ายอื่นหน่อยก็คงเป็น “BMW Group ประเทศไทย” ทำยอดขายรถยนต์ BMW ได้เป็นสถิติใหม่ที่ 12,036 คัน ซึ่งสูงกว่าปีก่อนหน้าถึง 20% และยังนับเป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดในเครือข่ายของ BMW ทั่วโลกเป็นปีที่สองติดต่อกัน
ขณะที่ MINI มียอดการส่งมอบรถตลอดปีสูงเป็นสถิติใหม่เช่นกัน มียอดขาย 1,051 คัน เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อนหน้า และ BMW Motorrad มียอดขาย 2,154 คัน เติบโต 8%
ไม่ใช่แค่นั้นในระดับโลก BMW Group ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำระดับโลกในตลาดรถยนต์หรูไว้ได้อย่างต่อเนื่อง มียอดส่งมอบรถยนต์ BMW, MINI และ Rolls-Royce รวมกว่า 2,490,664 คัน
โดยยอดการส่งมอบรถยนต์ของทั้งสามแบรนด์ในเดือนมกราคม 2018 รวม 170,463 คัน ถือเป็นการเปิดฉากศักราชใหม่ ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ของ BMW Group
คริสเตียน วิดมานน์ ประธาน BMW Group ประเทศไทย กล่าวว่า
ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจค่อนข้างดี ภาพรวมทั้งกระดานเลยดูดีกันหมด เมื่อมองในส่วนของ BMW Group ก็ได้รับการตอบรับที่ดีในทุกรุ่น โดยเฉพาะ BMW ซีรีส์ 5 ที่ถือเป็นดาวเด่น และ MINI Countryman
โรงงานเตรียมเดินเครื่องประกอบ “แบตเตอรี่แรงดันสูง”
“คริสเตียน” กล่าวอีกว่า จุดยืนของ BMW Group ทั้งบนเวทีโลกและในประเทศไทยคือการขับเคลื่อนโลกยานยนต์ไปสู่อนาคตที่ดีกว่า หนึ่งองค์ประกอบที่ยืนยันถึงความสำเร็จ คือ ยอดการส่งมอบรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และพลังงานไฟฟ้า (EV) เพิ่มขึ้นกว่า 38.4% ทั่วโลก
ขณะที่ยอดขายรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดของเราในประเทศไทยก็พุ่งสูงขึ้นถึง 122% ในปีที่ผ่านมา ภายในปี 2025 BMW Group เตรียมออกรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้ากว่า 25 รุ่น โดยจะออกมากขึ้นตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นไป ในจำนวนนี้ 12 รุ่นจะเป็น EV Car
เพื่อรองรับความต้องการสำหรับยนตรกรรมไฟฟ้าแห่งอนาคต BMW Group Manufacturing Thailand จะเริ่มต้นเดินหน้าประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูง (High-Voltage Battery – HVB) ณ โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ชลบุรี 2 ภายในปีนี้ คาดจะมีกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 1,000 ลูก
ที่ผ่านมาโรงงานแห่งนี้ถือเป็นศูนย์กลาง การประกอบรถยนต์ในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะในด้านการประกอบรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดทั้ง 2 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น BMW 530e หรือ BMW 740Le
ปัจจุบันโรงงานมีการประกอบรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ 12 รุ่น เช่น BMW ซีรีส์ 3 Gran Turismo, BMW ซีรีส์ 5, BMW ซีรีส์ 7, BMW X1 และล่าสุด BMW X3
เตรียมนำเข้า ซีรีส์ 3 และ Z4
นอกเหนือจากรถที่ประกอบในเมืองไทยเองแล้ว ที่ BMW มองเห็นคือ กลยุทธ์การทำตลาดรถยนต์นำเข้า ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี จากกระแสตอบรับของยอดขายรถยนต์ในตระกูล M ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง
ในปีนี้จึงเตรียมสานต่อกลยุทธ์ที่ว่านี้ ด้วยการการเปิดตัวรถยนต์นำเข้ารุ่นใหม่ๆ เช่น BMW ซีรีส์ 3 ที่กลับมาอีกครั้งในเจเนอเรชั่นที่ 7 รุ่น 330i M Sport ใหม่ ราคาจำหน่าย 3,359,000 บาท
และ BMW Z4 มีมาให้เลือก 2 รุ่นด้วยกันคือ Z4 sDrive30i M Sport ราคาจำหน่าย 3,999,000 บาท และ Z4 M40i ราคาจำหน่าย: 4,999,000 บาท
ในส่วนของ MINI ได้เตรียมขำเข้ารุ่น MINI Cooper S Hatch รุ่นฉลอง 60 ปีของ MINI ในเมืองไทยจะเข้ามาทั้งหมด 17 คันทั้งในรุ่น 3 ประตูและ 5 ประตู
เพิ่มรับประกัน “รถมอเตอร์ไซค์” เป็น 3 ปี
อย่างไรก็ตาม “คริสเตียน” ยังกล่าวอีกว่า หนึ่งในปัจจัยที่สร้างความสำเร็จ คือการที่ BMW สร้างภาพภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ นับตั้งแต่โปรแกรม The Ultimate JOY Experience ที่เตรียมก้าวขึ้นสู่ปีที่ 3 นอกจากนี้ได้เตรียมขยาย การขยายช่องทางและรูปแบบการเข้ารับบริการ ให้หลากหลายและตรงกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัว บีเอ็มดับเบิลยู สตูดิโอ ที่นำบริการมาไว้ในห้างสรรพสินค้า หรือการเปิด เออร์เบิน สโตร์ แห่งใหม่ ผสมผสานด้วยเทคโนโลยีและพื้นที่รับรองลูกค้า และยังมี Online Booking นัดหมายบริการล่วงหน้าผ่านทางเว็บไซต์ ได้แล้ว
ส่วนบริการหลังการขายได้ออกโปรแกรมการรับประกัน BMW Motorrad Warranty เพิ่มเป็น 3 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง ให้กับมอเตอร์ไซค์ BMW Motorrad รุ่นใหม่ทุกรุ่นที่ส่งมอบตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2019.