เมื่อเครื่องดื่มชูกำลังอย่างเดียวไม่ตอบโจทย์ลูกค้ายุคนี้ ส่งผลให้ตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง มูลค่า 23,000 ล้านบาท อยู่ในภาวะ “ซึม” ไม่เติบโตต่อเนื่องมา 2-3 ปีติดกัน
สาเหตุมาจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ได้ต้องการแค่เครืองดื่มที่ให้ “พลังงาน” เพียงอย่างเดียว แต่มองหาเครื่องดื่มที่ช่วยให้ “ดูดี” ด้วย ซึ่งเป็นตลาดของกลุ่ม “พรีเมียม”
โดยปัจจุบันเครื่องดื่มให้พลังงานแบบแมส ราคา 10 บาท ครองสัดส่วน 93% ส่วนกลุ่มพรีเมียม ราคา 15 บาท ครองสัดส่วน 7% มีอัตราเติบโต 10%
ศุภชัย จุนเกียรติ ผู้อำนวยการสายงานการตลาด Global กลุ่มธุรกิจ TCP กล่าวว่า แม้ว่าสภาพตลาดรวมจะไม่สู้ดี แต่ตลาดพรีเมียมยังคงเติบโต โดย “เรดดี้” ถือเป็นแบรนด์เครื่องดื่มให้พลังงานระดับพรีเมียมเพียงรายเดียวที่ยังคงมียอดขายเป็นอันดับหนึ่งต่อเนื่อง โดยในปี 2561 มียอดขาย 960 ล้านบาท เติบโตขึ้น 15% จากยอดขายปี 2560 และเรดดี้มีส่วนแบ่งการตลาด 62% จากมูลค่าตลาดรวมประมาณ 1,600 ล้านบาท
“ตลอด 10 ปีที่เรดดี้ทำตลาดมา เราศึกษาตลาดและพฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มให้พลังงานต่อเนื่อง ปัญหาที่พบคือไลฟ์สไตล์และเทรนด์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนไป หลายคนนอกเหนือจากทำงานหนักแล้วยังมีกิจกรรมต่อเนื่องตลอดวัน เวลาพักผ่อนน้อย ขณะเดียวกันก็ยังต้องการดูแลตัวเองให้ดูดีเสมอ”
“เรดดี้ โกจิเบอรี่” จึงตอบโจทย์ทั้งสองด้าน โดยวางโพสิชันนิ่งเป็น ‘Stylish Energy Drink’ แตกต่างจากเครื่องดื่มให้พลังงานทั่วไป ตั้งแต่รสชาติ ส่วนผสม รวมถึงแพ็กเกจจิ้ง ทำให้เรดดี้เติบโตได้ต่อเนื่อง
ทำให้ปีนี้กลุ่มธุรกิจ TCP จึงกำหนดงบประมาณ 100 ล้านบาท ทำกิจกรรมส่งเสริมการขายเครื่องดื่มให้พลังงาน เรดดี้ โกจิเบอรี่ พร้อมดึง “ใหม่–ดาวิกา โฮร์เน่” เป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อต้องการกระตุ้นยอดขาย จับกลุ่มวัยทำงาน อายุ 20-35 ปี ด้วยภาพยนตร์โฆษณาในสื่อต่างๆ ทั้งในทีวี สิ่งพิมพ์ สื่อนอกบ้าน และออนไลน์ รวมทั้งแจกสินค้าตัวอย่าง 1 ล้านขวดย่านออฟฟิศทั่วกรุงเทพฯ ถึงเดือน พ.ค.
โดยมั่นใจว่าจะช่วยผลักดันยอดขายแบรนด์เรดดี้ได้ที่ 1,500 ล้านบาทใน 3 ปี จากปี 61 ที่ยอดขาย 960 ล้านบาท
เรดดี้เป็นเครื่องดื่มให้พลังงานที่จำหน่ายในไทยมา 10 ปี ปัจจุบันมี 4 ชนิด คือ เรดดี้ โกจิเบอรี่ ทำยอดขายหลัก 90%, เรดดี้ บู้ท, เรดดี้ พิงค์ และเรดดี้ แบล็ค ที่มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น เพราะมีฟังก์ชันที่ช่วยเรื่องความสวยความงาม ขึ้นเป็นผู้นำในกลุ่มพรีเมียมด้วยส่วนแบ่งการตลาด 62%
หลังจากนี้มีแผนเปิดตัวรสชาติใหม่อีก 1-2 รายการ ในกลุ่มน้ำตาลน้อย จับกลุ่มรักสุขภาพ
รวมทั้งจัดโปรโมชั่นส่งรหัสใต้ฝาลุ้นรางวัลพิเศษต่างๆ กระตุ้นยอดขายตลอดปี.