เสถียร เสถียรธรรมะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มคาราบาว เปิดเผยว่า ธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลัง “คาราบาวแดง” ในไทย ปี 2568 ทำยอดขายนิวไฮ ส่งผลให้มาร์เก็ตแชร์ในตลาดมีสัดส่วนถึง 30% จากเดิม 24-25% ขึ้นแท่นเป็นเบอร์ 1 ในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังครั้งแรก ปัจจัยหลักมาจากการคงราคาขาย 10 บาท ช่วงกำลังซื้อผู้บริโภคชะลอตัว
อย่างไรก็ดี ตลาดต่างประเทศ ภาพรวมกลับตรงกันข้าม จากกรณีความขัดแย้งชายแดนไทยและกัมพูชา นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2568 เป็นต้นมา ทำให้ยอดขายเป็นศูนย์ ทั้งปัญหาการปิดชายแดน และโดยเฉพาะ “กระแสการแบนสินค้าไทย” ของคนกัมพูชา

ช่วงกระแสชาตินิยมรุนแรง อินฟลูเอนเซอร์กัมพูชา ทำคลิปถือกล้องไปจ่อใส่คนในประเทศเขาที่ต้องการซื้อสินค้าไทย ทำให้ยอดขายกัมพูชาหายไปเลย จากปกติเรามียอดขายในกัมพูชา หลักหลาย 100 ล้านบาท/เดือน
จากที่ผ่านมา คาราบาว เข้าไปทำตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในกัมพูชากว่า 20 ปี จนเป็นเจ้าตลาดเบอร์ 1 ของกัมพูชา ทำยอดขาย 4,000-5,000 ล้านบาท/ปี
ส่งผลให้สัดส่วนยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวแดงมีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้
- ยอดขายในไทย 60% (จากเดิม 40%)
- ยอดขายต่างประเทศ 40% (จากเดิม 60%)

อย่างไรก็ตาม คาราบาว ได้กระจายความเสี่ยง มุ่งเน้นทำตลาดในประเทศอื่น ๆ มากขึ้น อาทิ ยุโรป และจีน โดยจีนได้ร่วมกับ Tsingtao Brewery เจ้าของเบียร์ชิงเต่า เพื่อแลกเปลี่ยนนำสินค้าของกลุ่มคาราบาว ทั้งเครื่องดื่ม ชูกำลังและเบียร์ เข้าไปบุกตลาดจีนมากขึ้น โดยเฉพาะมณฑลซานตง และยูนนาน
“เรามีคุยกับประเทศคู่ค้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ปี 2569 คาดว่ายอดขายต่างประเทศจะมาจากจีนและยุโรปมากขึ้น”
ภาพภายในโรงงานคาราบาว




