‘คาราบาว’ คาดธุรกิจเบียร์ เลิกขาดทุนในปี 69 หลังทำธุรกิจ 2 ปีติดลบ 1,000 ล้าน
ที่ผ่านมา ตลาดเบียร์มีมูลค่าสูงถึง 2.6 แสนล้านบาท แม้จะเป็นธุรกิจใหญ่ที่น่าสนใจ แต่การแข่งขันก็สูงตาม ด้วย 2 ผู้เล่นรายใหญ่ครองมาร์เก็ตแชร์ราว 95% ของตลาดเบียร์
ทำให้ ‘คาราบาว’ หนึ่งในทุนใหญ่ที่รุกธุรกิจเบียร์ เมื่อปี 2566 กับฝันใหญ่ตั้งเป้าเป็นเบียร์ขั้วที่ 3 ของไทย อาจจะยังไปไม่ถึงฝัน…
ขาดทุน 2 ปีรวม 1,000 ล้านบาท คาดปี 69 เลิกขาดทุน
เสถียร เสถียรธรรมะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มคาราบาว เปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจเบียร์ 2 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2566 – 2567) ยังเผชิญการแข่งขันสูง ทั้งจากการห้ำหั่นแข่งขันในตลาด รวมไปถึงช่องทางการจัดจำหน่ายจำกัด ส่งผลให้ยังขาดทุนสะสมกว่า 1,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม จากการรุกขยายช่องทางจัดจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น ทั้งช่องทางค้าปลีก/โชห่วย (Off-premise) และร้านอาหาร ผับบาร์ (On-premise) ส่งผลให้ยอดขายค่อย ๆ เติบโตในทุกเดือน
ทำให้คาดการณ์ว่า ในปี 2569 ธุรกิจเบียร์ จะทำรายได้ 4,500 ล้านบาท และเลิกขาดทุนในที่สุด
“เราต้องเร่งทำตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัดที่คนมักซื้อสินค้าในร้านโชห่วย ส่วนใหญ่ ผู้บริโภคจะเลือกแบรนด์ที่คุ้นเคย และมักเลือกสินค้าตั้งแต่ก่อนออกจากบ้านด้วยซ้ำ“

รับ OEM ชิงเต่า-เพิ่มขายเบียร์สด กระจายเสี่ยง
โดยแผนสำคัญ ปี 2568 คือการเปิดตัว ‘เบียร์สดตะวันแดง’ ที่ขายนอกโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงครั้งแรก ปัจจุบันได้จับมือกับพาร์ตเนอร์ร้านอาหารและโรงแรมเกือบ 100 ราย เพื่อนำสินค้าไปขายแล้ว
“เรามีจุดแข็งในเรื่องการกระจายสินค้า จากการจำหน่ายสินค้าอย่างเครื่องดื่มชูกำลังและคาราบาว จึงสามารถส่งสินค้าเบียร์สดได้ภายใน 72 ชม.”

รวมถึงการจับมือกับ ‘เบียร์ชิงเต่า’ เจ้าตลาดเบียร์สัญชาติจีน เพื่อ OEM เบียร์ชิงเต่าในไทย คาดเริ่มจัดจำหน่ายในไตรมาส 1 ปี 2569 และหากผลตอบรับดี อาจชิงเต่าอาจใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อกระจายสินค้าในภูมิภาคได้
ขณะเดียวกัน การร่วมมือกับเบียร์ชิงเต่าจะช่วย นำสินค้าคาราบาวทั้งเบียร์และเครื่องดื่มชูกำลังเข้าไปตีตลาดจีนได้ในหลายมณฑล อาทิ ซานตง ยูนนาน
“การที่คาราบาว OEM เบียร์ชิงเต่า การทำเบียร์สด รวมถึงการเร่งกระจายสินค้าเบียร์ในช่องทางต่าง ๆ มากขึ้น เป็นการกระจายความเสี่ยง และช่วยหนุนให้ธุรกิจเลิกขาดทุน จากกำลังการผลิตของโรงงานเบียร์ในปัจจุบันมีอยู่ 300 ล้านลิตร แต่ใช้ไปเพียง 20% หากจะคุ้มต้องมีการเดินสายผลิตในสัดส่วน 30% ของกำลังผลิตขึ้นไป”
เบียร์ชิงเต่า




