ไม่แน่ใจว่า Instagram ซึ่งมีผู้ใช้กว่า 1,000 ล้านคนทั่วโลกกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ หรืออาจไม่ต้องการให้ใครคลิก Like แสดงความชอบบน Instagram อีกต่อไป เพราะนักวิจัยรายหนึ่งพบว่า Instagram กำลังทดสอบให้โพสต์ไม่แสดงสถิติยอด Like ซึ่งทำให้คนทั่วไปไม่เห็นว่าผู้คนจำนวนมากชอบโพสต์นั้นมากเพียงใด โดยสงวนให้เจ้าของโพสต์เท่านั้นที่จะมีโอกาสได้เห็นว่า โพสต์นั้นเป็นที่ชื่นชอบผ่านสถิติการ Like ปกติ
นักวิจัยรายนี้ชื่อ Jane Manchun Wong ซึ่งโพสต์ภาพหน้าจอการทดสอบของ Instagram บนทวิตเตอร์ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยบรรยายภาพว่า Instagram กำลังทดสอบระบบซ่อนยอด Like จากผู้ชมทั่วไป ซึ่ง Instagram ให้เหตุผลว่าบริษัทต้องการให้ผู้ติดตามของเซเลบบน Instagram ให้ความสำคัญกับสิ่งที่แชร์ ไม่ใช่สนใจแต่ว่าโพสต์นั้นมีคนถูกใจกี่คน
แถลงการณ์ Instagram ระบุด้วยว่าในระหว่างการทดสอบนี้ เฉพาะคนที่แชร์โพสต์เท่านั้นที่จะได้เห็นจำนวนไลค์ทั้งหมด ซึ่งแถลงการณ์เหล่านี้ถูกส่งไปยัง Influencer หรือผู้มีอิทธิพลบน Instagram หลายราย
การเปลี่ยนแปลงของ Instagram ถูกวิเคราะห์ว่าเกิดจากความเชื่อว่าการนับยอด Like นั้นไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพจิตของผู้ใช้ และสามารถนำผู้คนไปสู่สถานการณ์ที่อันตราย ยอมเสี่ยงตายเพื่อให้ได้ภาพถ่ายที่จะทำให้เกิดการกดถูกใจจำนวนมาก
แนวคิดนี้ตรงกับความคิดของผู้ร่วมก่อตั้ง Instagram อย่าง Kevin Systrom เมื่อปี 2016 เวลานั้นผู้ก่อตั้ง Instagram บอกกับสำนักข่าว TechCrunch ว่า 1 ในเหตุผลที่พวกเขาสร้างบริการ Instagram Stories คือเพราะการหลีกหนีจากแรงกดดันเรื่องการนับยอด Like
เมื่อข่าวการทดสอบครั้งล่าสุดของ Instagram ถูกเปิดเผย หลายคนจึงมองว่านี่อาจเป็นขั้นต่อไปของวิวัฒนาการที่จะทำให้ Instagram มีมุมมองที่อ่อนโยนกว่าเดิม
เบื้องต้น Instagram ยืนยันกับ TechCrunch การทดสอบนี้เกิดขึ้นเป็นการภายในที่คนทั่วไปยังไม่เห็นผล คำกล่าวนี้สวนทางกับแถลงการณ์โฆษกของ Instagram ที่ระบุว่าฟีเจอร์ดังกล่าวไม่ได้รับการทดสอบในขณะนี้ แต่การสำรวจวิธีการลดแรงกดดันต่อชาว Instagram นั้นเป็นสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญอยู่เสมอ
การทดสอบของ Instagram เกิดขึ้นเพียง 1 เดือนหลังจากที่ Twitter ส่งสัญญาณบอกใบ้ถึงการออกแบบใหม่ซึ่งจะซ่อนสถิติการรีทวีต หรือการส่งทวีตซ้ำซึ่งอาจเป็นสถิติที่ชักจูงความคิดของฝูงชนได้แบบไม่ถูกต้อง
แน่นอนว่าสิ่งที่จะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงคือความสามารถในการติดตามข้อมูลและอัลกอริทึมสุดฉลาดของ Instagram ซึ่งแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ก็ต้องยอมรับว่านี่คือก้าวแรกที่ทำให้ยักษ์ใหญ่หันมาใส่ใจไม่ให้สื่อสังคมออนไลน์ทำลายสุขภาพจิตของผู้ใช้ไปมากกว่านี้