เมื่อ Social Network อย่าง Facebook และ Twitter กำลังเป็นที่นิยม ตัวเลขผู้ใช้ Facebook ในไทยทะลุไปแล้วถึง 1.7 ล้านคน ส่วน Twitter ก็มีผู้ใช้อย่างต่ำ 1 แสนคนขึ้นไป และส่วนใหญ่มักจะ “ทวิต” และ “เมนต์” ผ่านโทรศัพท์มือถือแบบทุกที่ทุกเวลา มือถือที่มีคุณสมบัติเหมาะกับการใช้งานในลักษณะนี้ก็ต้องเป็น “สมาร์ทโฟน” เพราะเหมาะกับการสื่อสารข้อมูล
แม้สมาร์ทโฟนจะโตวันโตคืน แต่คนไทยยังมีสมาร์ทโฟนใช้งานเพียงแค่ 15% เท่านั้น ที่เหลือถึง 85% ยังคงใช้โทรศัพท์มือถือรุ่นธรรมดา (ข้อมูลนี้ได้จากการสำรวจลูกค้า 29 ล้านคนของเอไอเอส) ซึ่งยังคงเป็นฐานตลาดใหญ่มากพอจะทำให้เอไอเอสใช้โอกาสนี้เปิดบริการใหม่ “Facebook & Twitter Alert” เพื่อลูกค้ามือถือรุ่นธรรมดาโดยเฉพาะ
หลักการทำงานของบริการใหม่ที่ว่านี้ ใช้เทคโนโลยีเก่าอย่าง SMS มาใช้ประโยชน์ เพื่อทำให้ มือถือราคาถูกๆ สามารถต่อเชื่อมเข้ากับ Facebook และ Twitter เช่น บริการ “Facebook Alert” คิดค่าบริการในอัตรา 9 บาทต่อสัปดาห์ เมื่อมี “Notifications” ข้อความใหม่ๆ หรือคอมเมนต์ใหม่ๆ ระบบของเอไอเอสที่ดักจับอยู่จะแปลงข้อความนั้นมาเป็น SMS ส่งมาให้ผู้ใช้โดยอัตโนมัติแบบไม่จำกัดจำนวนข้อความต่อสัปดาห์
เช่นเดียวกัน Twitter ก็ทำงานแบบเดียวกัน แต่จำกัดไว้ที่ 10 ข้อความต่อวัน ซึ่งเป็นจำนวนข้อความที่เอไอเอสวิจัยมาแล้วว่าเหนือกว่าค่าเฉลี่ยของคนไทยส่วนใหญ่บนทวิตเตอร์อยู่เล็กน้อย
ในทางกลับกัน หากต้องการ “Update Status” ขึ้นไปบนเฟซบุ๊กหรือทวิตเตอร์ ก็สามารถใช้วิธีส่ง SMS ไปที่ศูนย์ในราคา 2 บาทต่อครั้งหากเป็นข้อความ หากเป็นการ “อัพรูป” ก็เป็น 6 บาท ซึ่งนับว่าแพงกว่าการบอกรับ Alert อยู่ไม่น้อยแต่ก็เป็นพฤติกรรมที่ผู้ใช้มักจะอดไม่ได้ต้องตอบกลับเมื่ออ่านคอมเมนต์จากเพื่อนๆ
ปรัธนา ลีลพนัง ผู้อำนวยการสำนักการตลาดบริการเสริม ถอดรหัสให้ฟังถึง Strategic Move ของเอไอเอส ครั้งนี้ว่า เพื่อต้องการผลักดันให้ตลาดบริการ SMS ของเอไอเอสกลับมาเติบโตขึ้นอีกครั้งอย่างมีนัยสำคัญ เพราะบริการข้อความสั้น SMS นั้นชะลอตัวหยุดนิ่งมาหลายปีแล้ว จากที่เคยเติบโตปีละ 5 – 7% และหากย้อนหลังไปไกลกว่านั้นก็เติบโตแรงทุกปีเป็นเลขสองหลัก
ขณะเดียวกัน ตลาดมือถือราคาถูก ยังเป็นตลาดขนาดใหญ่มากถึง 80% ของตลาดรวม ซึ่งผู้ใช้มือถือกุล่มนี้ มีความต้องการต่อเชื่อมเข้า Facebook และ Twitter มีมาก ผู้บริโภคระดับแมสสนใจและต้องการเล่นบ้าง ทำให้ทั้งโอเปอเรเตอร์และผู้ผลิตเครื่องต่างกำลังขยับขยายไลฟ์สไตล์นี้มาหากลุ่มผู้บริโภคมือถือราคาถูกในระดับ Mass ที่ไม่มี Smartphone ซึ่งเป็นตลาดใหญ่
Launch : 8 ธันวาคม 2552
Positioning : บริการ SMS / MMS แบบใหม่ ใช้รับและส่งข้อความหรือรูปขึ้น Facebook และ Twitter
Target :
กลุ่มเป้าหมายหลัก ลูกค้าเอไอเอส อายุ 15 – 35 ปี ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน แต่เล่นอินเทอร์เน็ต เล่นเฟซบุ๊ก และ/หรือทวิตเตอร์ กลุ่มรองเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีสมาร์ทโฟนอยู่แล้ว สนใจเฉพาะบริการ Alert ซึ่งสมาร์ทโฟนหลายรุ่นไม่มีอยู่ และลูกค้าของค่ายโอเปอเรเตอร์อื่นๆ
Market Analysis : ความนิยมใช้เฟซบุ๊กและทวิตเตอร์เพิ่มสูงขึ้น โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กในไทยราว 1.7 ล้านราย ใช้ผ่านมือถือเพียงประมาณ 1 แสนราย คิดเป็น 5% เหลือที่ว่างในตลาดอีก 95% ส่วนกลุ่มผู้ใช้ทวิตเตอร์ในไทยราว 1 แสนราย ใช้ผ่านมือถืออยู่เพียง 3 หมื่นราย คิดเป็น 30% เหลือที่ว่างในตลาดอีก 70% นอกจากนี้ยังเป็นบริการที่คู่แข่งยังไม่มี