“พีทีจี เอ็นเนอยี” เปิดงบไตรมาส 1/62 กำไรสุทธิ 519 ล้านบาท โต 93% โชว์ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเติบโต 18% พร้อมก้าวเป็นอันดับ 2 ของประเทศในส่วนแบ่งการตลาดผ่านสถานีบริการ
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือPTG เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/62 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 519 ล้านบาท เติบโต 93% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 269 ล้านบาท โดยมีกำไรก่อน ดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ 1,435 ล้านบาท เติบโต 51% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ยังคงเป้าหมายในการสร้างรายได้ และกำไรจากช่องทางอื่นๆ นอกจากการจำหน่ายน้ำมัน โดยการต่อยอดและใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์เดิมให้คุ้มค่ามากที่สุด เพื่อลดความผันผวนของกำไรจากการมีธุรกิจน้ำมันเพียงธุรกิจเดียว
โดยในช่วงไตรมาส 1/62 บริษัทยังคงมีรายได้จากการขายและการให้บริการอยู่ที่ 28,655 ล้านบาท เติบโต 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเติบโตของปริมาณการขายน้ำมันและแก๊ส LPG ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจNon-oil
ขณะเดียวกันบริษัทยังคงรักษาความเป็นผู้นำในด้านการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันได้อย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 1/2562 บริษัทมีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันทั้งสิ้น 1,109 ล้านลิตร เติบโต 17.70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมทั้งยังมีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการรวมทั้งสิ้น 1,045 ล้านลิตร เติบโตเท่ากับ 17.40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการของบริษัทคิดเป็นสัดส่วน 94% ของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันทั้งหมด จากการรักษาความเป็นผู้นำการบริการและความเป็นหนึ่งด้านการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในไตรมาสนี้ทางบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดผ่านทุกช่องทางเท่ากับ 13.0% เป็นอันดับที่ 4 ของประเทศ และส่วนแบ่งการตลาดผ่านสถานีบริการอยู่ที่ 15.30% เป็นอันดับที่ 2 ของประเทศ
ขณะที่ในส่วนของการจำหน่ายแก๊ส LPG ผ่านสถานีบริการ โดยบริษัทมีปริมาณการจำหน่ายทั้งสิ้น 30 ล้านลิตร เติบโต 55.30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีส่วนแบ่งการตลาดเท่ากับ 6.20% เนื่องจากการมุ่งเน้นการขยายสาขาของเครือข่ายธุรกิจน้ำมันและ Non-oil ในพื้นที่ที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง ส่งผลให้ไตรมาส 1/62 บริษัทมีจำนวนสถานีบริการน้ำมันและแก๊ส LPGทั้งสิ้น 1,916 สาขา
นอกจากการขยายจำนวนสถานีบริการน้ำมันในพื้นที่ที่มีศักยภาพมากขึ้น จะช่วยการเพิ่มปริมาณการจำหน่ายน้ำมันแล้ว ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการขยายสาขาของธุรกิจ Non-oil อีกด้วย ส่งผลให้บริษัทมีจำนวนสาขาของธุรกิจ Non-oil แบ่งเป็น 1.ร้านกาแฟพันธุ์ไทย 215 สาขา, 2.ร้าน Coffee World และแบรนด์อื่น ๆ ภายใต้ GFA จำนวน 81 สาขา, 3. ร้านสะดวกซื้อ Max Martจำนวน 167 สาขา, 4.ร้านข้าวแกงครัวบ้านจิตร จำนวน 1 สาขา, 5. ศูนย์บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง Maxnitron Lube Changeจำนวน 53 สาขา, 6. ศูนย์บริการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์ส่วนบุคคล Autobacs จำนวน 16 สาขา และ 7. ศูนย์บริการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถบรรทุกเชิงพาณิชย์ Pro Truck จำนวน 8 สาขา
Related