เหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร “หัวเว่ย เทคโนโลยีส์” ยังคงแสดงท่าทีไม่สะทกสะท้าน กับความพยายามเล่นงานของสหรัฐฯ ในวันนี้ (21 พ.ค.) โดยระบุว่า วอชิงตันประเมินความแข็งแกร่งของบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่แดนมังกร “ต่ำเกินไป”
เหรินได้เปิดใจให้สัมภาษณ์กับสื่อทางการจีน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ มีคำสั่งห้ามบริษัทอเมริกันทำธุรกิจกับบริษัทต่างชาติ ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่าหมายถึงหัวเว่ยเทคโนโลยี ในความพยายามล่าสุดของอเมริกา ที่จะขัดขวางไม่ให้หัวเว่ยก้าวขึ้นเป็นผู้นำเบอร์ 1 ของโลกในด้านเทคโนโลยี 5G
“สิ่งที่พวกนักการเมืองสหรัฐฯ ทำอยู่สะท้อนให้เห็นว่าพวกเขาประเมินความแข็งแกร่งของเราต่ำเกินไป” เหริน ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CCTV “ระบบ 5G ของหัวเว่ยจะไม่ได้รับผลกระทบ และในแง่ของเทคโนโลยี 5G ก็จะไม่มีบริษัทไหนไล่ตามหัวเว่ยได้ทันในอีก 2-3 ปีข้างหน้า”
สัปดาห์ที่แล้วทรัมป์ได้ประกาศ ‘สถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ’ ซึ่งเปิดทางให้เขาใช้อำนาจประธานาธิบดี สั่งขึ้นบัญชีดำบริษัทที่เห็นว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ ท่ามกลางความเห็นของนักวิเคราะห์ซึ่งมองว่า ทรัมป์ กำลังล็อกเป้าเล่นงานหัวเว่ยโดยตรง
ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ยังได้ออกคำสั่งห้ามบริษัทอเมริกันจำหน่ายหรือถ่ายโอนเทคโนโลยีต่างๆ ให้แก่หัวเว่ยด้วย
ล่าสุดยักษ์ใหญ่อินเทอร์เน็ต ‘กูเกิล’ ซึ่งเป็นเจ้าของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่ใช้ในสมาร์ทโฟนทั่วโลกก็ได้สนองนโยบายของทรัมป์ โดยประกาศในสัปดาห์นี้ว่าจะเริ่มตัดความสัมพันธ์กับหัวเว่ย
ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ใช้อุปกรณ์หัวเว่ยไม่สามารถเข้าถึงบริการที่เป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะของกูเกิล เช่น จีเมล, กูเกิล แมป และยูทูบได้อีกต่อไป และหัวเว่ยจะใช้แอนดรอยด์ได้เฉพาะเวอร์ชั่นโอเพนซอร์สเท่านั้น
แม้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ จะประกาศชะลอคำสั่งแบนการถ่ายโอนเทคโนโลยีให้แก่หัวเว่ยเป็นเวลา 90 วัน เมื่อวานนี้ (20 พ.ค.) แต่ เหริน ยืนยันว่าถึงอย่างไรเสียก็ไม่มีผลกระทบ
“สหรัฐฯ จะต่อใบอนุญาตชั่วคราวออกไปอีก 90 วันหรือไม่ ก็ไม่มีผลกระทบต่อเรามากนัก เพราะเราเตรียมพร้อมอยู่แล้ว” เหริน ระบุ โดยหัวเว่ยพึ่งพาชิปที่ผลิตในสหรัฐฯ อเมริกาเพียงครึ่งหนึ่งส่วนอีกครึ่งหนึ่งผลิตในจีน
“พวกเขาไม่สามารถกีดกันเราออกจากตลาดโลกได้ เราเองก็สามารถผลิตชิปแบบที่อเมริกาทำ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ซื้อของพวกเขา” เหริน อธิบาย
การเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐฯ กับหัวเว่ยเป็นปัญหาที่คุกรุ่นมานานหลายปี หลังจากบริษัทแห่งนี้สามารถพัฒนาเทคโนโลยี 5G จนล้ำหน้าแซงคู่แข่งไปไกล
หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ เชื่อว่าหัวเว่ยได้รับการสนับสนุนจากกองทัพจีน และอุปกรณ์ของบริษัทแห่งนี้อาจจะกลายเป็นเครื่องมือที่ปักกิ่งใช้สอดแนมชาติคู่แข่ง
ด้วยเหตุนี้เองสหรัฐฯ จึงพยายามโน้มน้าวประเทศพันธมิตรของตน ให้ปฏิเสธเทคโนโลยีของหัวเว่ย ซึ่งก็เป็นเรื่องยากลำบาก เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีผู้พัฒนาระบบ 5G รายอื่นๆ ให้เป็นตัวเลือกมากนัก
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหัวเว่ยจะต้องเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ เหรินก็ตอบเพียงสั้นๆว่า “คุณควรตั้งคำถามนี้กับทรัมป์ ไม่ใช่ผม”