จับตาการเปลี่ยนแปลงของ Netflix บริการสตรีมมิ่งวิดีโอออนไลน์ที่ยืนยันจุดขายเรื่องชมต่อเนื่องทันใจไม่มีโฆษณา ปรากฏว่าผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมหลายรายเอ่ยเสียงเดียวกันว่า Netflix อาจต้องกลับลำ และหันมาใช้โฆษณาหากต้องการเติบโตมากกว่านี้ ท่ามกลางบริการสตรีมมิ่งรายอื่นที่นำร่องให้ลูกค้าเลือกเองว่าจะชมแบบมีโฆษณาหรือไม่มี
การวิเคราะห์แนวโน้มของ Netflix ครั้งนี้ไม่ได้มาจากปากผู้บริหาร Netflix เอง แต่มาจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมโฆษณาออนไลน์ที่เข้าร่วมงานประชุม Digital Content NewFronts ที่องค์กรไม่แสวงผลกำไร Interactive Advertising Bureau (IAB) จัดขึ้นเมื่อเมษายนที่ผ่านมา เหตุผลหลักที่ทำให้ผู้ร่วมงานนี้มองในทางเดียวกันว่า Netflix จะไม่มีทางเลือกอื่น และต้องเริ่มแสดงโฆษณา คือเพราะท่าทีปัจจุบันของ Netflix ที่สะท้อนความตั้งใจขยายธุรกิจเต็มที่ ด้วยการเทงบสรรหาบุคลากรเพิ่มต่อเนื่องเพื่อช่วยให้ธุรกิจเติบโต
การวิเคราะห์นี้ถูกนำไปเชื่อมโยงกับบริการสตรีมมิ่งรายอื่นในตลาด เช่น Hulu ที่ให้บริการทั้งในแบบวิดีโอไม่มีโฆษณาและวิดีโอที่มีโฆษณาเป็นสปอนเซอร์แล้วในขณะนี้
YouTube, JPMorgan ฟันธง
เมื่อถูกถามถึงประเด็นที่ Netflix เติบใหญ่ในวันนี้ได้โดยไม่ต้องพึ่งโฆษณา เหล่าผู้ร่วมงาน Digital Content NewFronts ซึ่งประกอบด้วยผู้บริหารจาก YouTube, JPMorgan Chase และ 2 เอเจนซี่ชื่อดังอย่าง UM และ MediaLink มองว่ารูปการณ์นี้จะเปลี่ยนในไม่ช้า เพราะ Netflix กำลังถูกสถานการณ์กดดันให้ต้องเติบโตกว่านี้
Tara Walpert Levy รองประธานฝ่ายสื่อและเอเจนซี่ของ Google และ YouTube กล่าวว่า แม้จะไม่ใช่สิ่งที่ Netflix ออกมาพูดเอง แต่ความชัดเจนเรื่อง Netflix ต้องการการเติบโตมากขึ้น จะสะท้อนว่าในที่สุด Netflix จะพยายามหาทางใหม่เพื่อขยายการเติบโตออกไปอีก
ด้าน Kristin Lemkau ประธานฝ่ายการตลาดของ JP Morgan Chase เชื่อว่าผู้บริโภคจะเปิดรับวิดีโอที่มีโฆษณาสนับสนุน หากตัวเลือกเหล่านั้นมีความโปร่งใสพอ รวมถึงผู้บริโภคเข้าใจในการแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้น
“ผู้บริโภคต้องการตัวเลือก และจะเลือกสิ่งที่สร้างมูลค่าให้กับตัวเอง” Lemkau กล่าวโดยมั่นใจว่าผู้บริโภคจะถ่วงดุลและยอมรับ และเลือกขอบเขตการชมที่ต้องการเองว่าจะชมแบบสมัครสมาชิกหรือไม่ได้สมัคร
Lemkau ยกตัวอย่างซีรีส์ดังอย่าง Game of Thrones ที่เพิ่งจบไป ว่าเป็น “สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นในทีวี” เพราะแม้จะไม่ได้มีเนื้อหาที่เข้ากับโฆษณา แต่ก็เป็นซีรีส์ที่ทำเงินจากโฆษณาได้มากเป็นประวัติการณ์
ปัจจุบัน บริการวิดีโอสตรีมมิ่งหลายรายในสหรัฐฯ ยื่นข้อเสนอให้ผู้ชมเลือกได้ว่าจะชมวิดีโอที่มีโฆษณาสนับสนุน หรือแบบที่ไม่มีโฆษณา ตัวอย่างเช่น Hulu ที่ให้บริการวิดีโอแบบมีโฆษณาในราคา 5.99 เหรียญต่อเดือน และแบบ 11.99 เหรียญต่อเดือนแบบไม่มีโฆษณา เช่นเดียวกับบริการ CBS All Access ที่ให้ข้อเสนอคล้ายกัน
โฆษณารูปแบบอื่น
Joshua Lowcock เจ้าหน้าที่ดูแลด้าน brand safety หรือความปลอดภัยของแบรนด์ระดับโลก และหัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านดิจิตอลและนวัตกรรม ประจำสหรัฐอเมริกา ของมีเดียเอเจนซี่ UM ในเครือ Interpublic Group มองว่าแม้วันนี้จะมีความพยายามในการกำจัดโฆษณาออกไป แต่อย่างไรโฆษณาก็จะกลับมาในทางอื่น ซึ่งในกรณีของ Netflix ที่เป็นบริการไร้โฆษณาขณะนี้ Lowcock ย้ำว่าไม่สามารถจินตนาการถึงโลกที่ Netflix จะปลอดโฆษณาได้ตลอดไป
“เราเติบโตมาในยุคดิจิทัล บนความเชื่อว่าเราควรฉีดโฆษณาไปทุกที่ทุกเวลาเท่าที่จะทำได้” Lowcock อธิบาย “และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้โลกเห็นระบบปิดกั้นหรือบล็อกโฆษณา และการย้ายไปสู่สภาพแวดล้อมที่ปราศจากโฆษณา ผมคิดว่าเราจะได้เห็นจุดเปลี่ยนที่โฆษณากลับมา จริงอยู่ที่ Netflix เป็นบริการไร้โฆษณาในขณะนี้ แต่ผมไม่สามารถจินตนาการถึงโลกที่ Netflix จะปลอดโฆษณาตลอดไป หากดูค่าใช้จ่ายด้านเนื้อหาของ Netflix ซึ่งจะบอกได้ชัดว่ากำลังต้องการโฆษณา และโฆษณารูปแบบใหม่กำลังจะมา”
แน่นอนว่า Netflix ยังไม่ออกมาให้ความเห็นใดเกี่ยวกับการวิเคราะห์ในงานนี้ ก่อนหน้านี้ Netflix กำลังถูกจับตาจากหลายฝ่ายว่าจะรับมือผู้เล่นรายใหม่ในตลาดสตรีมมิ่ง เช่น Apple และ Disney ได้หรือไม่ เบื้องต้น Netflix ยอมรับว่าผู้เล่นใหม่เหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของบริษัทอย่างมาก เพราะจะมีการเปลี่ยนจากความบันเทิงแบบเฉพาะกลุ่มไปเป็น on-demand entertainment ที่ครอบคลุมตลาดแมส ซึ่งถือว่าแตกต่างจากจุดยืนเดิมที่ Netflix เคยนำเสนอมาก่อน
ในปีนี้ Netflix มีมูลค่าตลาด 162.6 พันล้านเหรียญสหรัฐเกินครึ่งเมื่อเทียบกับ Disney ที่มีมูลค่าตลาด 250.4 พันล้านเหรียญ อย่างไรก็ตาม หุ้นของ Netflix ลดลงประมาณ 1% เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลังจากรายงานผลประกอบการไตรมาสแรก และท่าทีของ Disney ที่ยืนยันแล้วว่าจะดึงรายการออกจาก Netflix ภายในปีนี้เพื่ออัดฉีดบริการสตรีมมิ่งของตัวเอง
สถิติล่าสุดชี้ว่า Netflix มีจำนวนผู้ใช้บริการ 139 ล้านรายเพิ่มขึ้น 26% ในปี 2018 นำโด่งเมื่อเทียบกับคู่แข่ง Hulu ที่มีฐานสมาชิก 25 ล้านรายเท่านั้น.
ที่มา : https://www.cnbc.com/2019/04/29/netflix-will-have-no-choice-but-to-run-ads-industry-execs-say.html