บริษัท R&B Food Supply จํากัด ( มหาชน ) ก้าวสู่ความสําเร็จอย่างยั่งยืน ด้วยนวัตกรรมและการบริหาร Supply Chain ที่ยอดเยี่ยม


บริษัท R&B Food Supply จำกัด (มหาชน) ก้าวสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน ด้วยนวัตกรรมและการบริหาร Supply Chain ที่ยอดเยี่ยม เบื้องหลังสารพันอาหารและเครื่องดื่มที่เราคุ้นเคยและบริโภคในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะที่จำหน่ายในร้านค้าปลีกรูปแบบต่างๆ ล้วนเกี่ยวพันกับ Food Supply ด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งในด้านการปรุงแต่งรสชาติ, กลิ่น, สี รวมถึงสร้างสรรค์คุณสมบัติอย่างไร ให้เหมือนกับธรรมชาติของอาหารชนิดนั้นๆมากที่สุด เพื่อให้เกิดอรรถรสและเติมเต็มประสิทธิภาพของสินค้า ตามวัตถุประสงค์ของผลิตภัณฑ์อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง โดยเบื้องหลังกลไกที่สำคัญเหล่านี้มีบริษัท R&B Food Supply จำกัด (มหาชน) หรือ “RBF” ผู้นำนวัตกรรมด้านกลิ่น รสชาติ รูปลักษณ์และเนื้อสัมผัส ผู้อยู่เบื้องหลังการคิดค้นและสนับสนุนนวัตกรรมแก่บริษัทอาหารและเครื่องดื่มระดับประเทศมากมาย ซึ่ง “RBF” ก้าวสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนทั้งในและต่างประเทศ ด้วยนวัตกรรมและการบริหาร Supply Chain ที่ยอดเยี่ยม

เปิดอาณาจักร “RBF”

ผู้บริโภคหลายคนอาจไม่รู้จัก หรือไม่เคยยินชื่อบริษัทนี้มาก่อน ซึ่งก็ไม่แปลกแต่อย่างใด เพราะ “RBF” ดำเนินธุรกิจแบบ B2B เป็นหลัก โดยเป็นผู้อยู่เบื้องหลังบรรดาสินค้าอาหารและเครื่องดื่มแบรนด์ดังจำนวนมากที่ผู้บริโภคนิยมชมชอบ

พญ.จัณจิดา รัตนภูมิภิญโญ กรรมการบริษัท บริษัท R&B Food Supply จำกัด (มหาชน) หรือ “RBF” ให้ข้อมูลว่า บริษัทฯ ก่อตั้งเมื่อปี 2532 มีประสบการณ์กว่า 3 ทศวรรษ ในอุตสาหกรรมอาหาร สั่งสมประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมอาหารต่างๆ เพื่อสร้างสรรค์รสชาติ, สี, กลิ่น หรือแม้กระทั่งสร้างเครื่องเทศที่มีรสชาติตามความต้องการของลูกค้าได้ ปัจจุบันสินค้าที่อยู่ใน porfolio แบ่งออกเป็นหมวดหมู่ต่างๆ ดังนี้ แป้งทอดกรอบ แป้งชุบทอด, แป้งข้าวโพด,เกล็ดขนมปัง, สินค้าเบเกอรี่, วัตถุแต่งกลิ่นเลียนธรรมชาติ, สีผสมอาหาร และน้ำหวานเข้มข้นกลิ่นต่าง ๆ โดยมีลูกค้าเป็นผู้ผลิตสินค้าอาหารและเครื่องดื่มทั้งในและต่างประเทศ เช่น อังกฤษ, รัสเซีย, อินเดีย, ปากีสถาน, ญี่ปุ่นและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีแบรนด์ของบริษัทที่จัดจำหน่ายในปัจจุบัน อาทิ Best Odour, Uncle Brans, Aroi Mak Mak, Angelo,Haeyo

ปัจจุบันมีโรงงานการผลิตและสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศไทย บนพื้นที่ 6,000 ตร.ม. ที่เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์ เครื่องจักร และเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย รวมถึงบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถและทักษะชำนาญการด้านการผลิตอาหาร อีกทั้งยังมีสำนักงานที่ต่างประเทศ คือ อินโดนีเซีย จีน เวียดนาม อีกด้วย หนึ่งในกลยุทธ์ที่นำพาให้ “RBF” ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง คือ บริษัทฯ ให้ความสำคัญและลงทุนอย่างต่อเนื่องเสมอมาก็คือ “นวัตกรรม” ซึ่งก่อเกิดจากการวิจัยและพัฒนาภายในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะการร่วมมือกับภาควิชาการที่มีองค์ความรู้ในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ในการที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจ ความต้องการของลูกค้า และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

นวัตกรรมสารสกัดคาเฟอีนจากธรรมชาติ ใช้ทดแทนสารสังเคราะห์ … เพื่อลดต้นทุนในการผลิต

สำหรับนวัตกรรมล่าสุดที่ “RBF” ภูมิใจนำเสนอ คือ สารสกัดคาเฟอีนจากวัตถุดิบธรรมชาติ (ใบชา) ที่ต้องการปลุกปั้นเป็นทางเลือกใหม่ที่จะมาทดแทนสารสกัดคาเฟอีนจากวัตถุดิบสังเคราะห์ โดยร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านเคมีอินทรีย์ รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) ในการวิจัยและพัฒนาดังกล่าว

โดย รศ.ดร.วีรชัย ให้รายละเอียดถึงความร่วมมือกับ “RBF” ว่า

เป็นหนึ่งในภารกิจของภาควิชาการ คือการให้บริการด้านวิชาการ ผ่านงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรม ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าและความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการไทยได้

“สารสกัดคาเฟอีนใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะเครื่องดื่มชูกำลัง, กาแฟ, ลูกอมบางชนิด และอาหารเสริมที่เพิ่มอัตราการเผาผลาญแคลอรี่ เป็นต้น แต่ปกติแล้วจะใช้สารสังเคราะห์ซึ่งพึ่งพานวัตกรรมจากต่างประเทศ หากเราผลิตสารสกัดคาเฟอีนได้เอง แถมสกัดจากวัตถุดิบธรรมชาติได้อีกก็จะยิ่งดี เพราะทุกวันนี้เทรนด์ของผู้บริโภคหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น ทั้งยังชื่นชอบและให้ความสำคัญกับเรื่องธรรมชาติ หลายบริษัทก็หันมาให้ความสำคัญกับการเสาะหาวัตถุดิบธรรมชาติมาทดแทนสารสังเคราะห์ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ ด้วยการจับกลุ่มเป้าหมายนี้ เช่น บริษัทเครื่องดื่มยักษ์ใหญของโลกที่นำหญ้าหวานมาใช้แทนแอสปาแตม (Aspartame) ซึ่งเป็นสารให้ความหวานสังเคราะห์แทนน้ำตาล พอเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมาย ปรากฎว่ายอดขายพุ่งพรวดพราดเลย”

นั่นจึงเป็นที่มาของการนำกากชาและใบชาเกรดสอง เกรดสาม รวมถึงใบชาแก่ ที่มีกาเฟอีนแต่ถูกทิ้งเป็นของเสียมาสกัดสารคาเฟอีน เพื่อนำมาใช้งานในเชิงอุตสาหกรรมซึ่งถือเป็นนวัตกรรมขั้นสูงแต่เนื่องด้วยทางมหาวิทยาลัยทำวิจัยในเชิงลึกอยู่แล้ว จึงไม่ใช่สิ่งที่เกินความสามารถ แม้ต้องใช้เงินลงทุนครั้งแรกจำนวนมาก แต่ในระยะยาวถือว่าคุ้มค่า เพราะมีต้นทุนสิ้นเปลืองเพียงแค่ Electrode (ขั้วเชื่อม, ลวดเชื่อม หรือขั้วไฟฟ้า) ส่วนอย่างอื่นเป็นต้นทุนคงที่ ซึ่งสิทธิบัตรร่วมนี้เกิดขึ้นภายใต้โจทย์ที่ว่า ต้องสกัดสารคาเฟอีนจากใบชาแก่ให้ได้ปริมาณของสารสกัดมากที่สุด ด้วยต้นทุนต่ำและปลอดภัยที่สุด โดยใบชาแก่ซึ่งเป็นวัตถดุิบที่นำมาใช้นั้นปลอดภัยแน่นอน เพราะเป็นวัตถุดิบธรรมชาติ เช่นเดียวกับกระบวนการสลัดที่ใช้น้ำ ผลลัพธ์ที่ได้ ณ ขณะนี้ ถือว่าพึงพอใจมากกว่า 90% ภายใต้นวัตกรรมนี้ยังนำประโยชน์มหาศาลให้กับทั้ง “RBF” , ผู้ประกับกอบและผู้บริโภค เนื่องจากนวัตกรรมนี้มีส่วนช่วนในการลดต้นทุนเป็นอย่างมาก โดยมีต้นทุนต่ำกว่าที่นำเข้าจากอเมริกาใต้ ราว 30% เมื่อสามารถผลิตเองได้ ก็มีศักยภาพที่จะทำกำไรได้มากกว่าเดิม สุดท้ายผู้บริโภคปลายทางหรือ End Consumer ก็จะได้ซื้อสินค้าที่มีราคาถูกลงด้วย

“ในเมื่อมีตัวเลือกจากธรรมชาติ ซึ่งย่อมดีกว่าจากการสังเคราะห์อยู่แล้ว แถมมีต้นทุนที่ต่ำกว่าอีกต่างหาก ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธนวัตกรรมนี้ นอกจากนี้ยังถือเป็นการดึงดูดและสร้างงานให้กับนักวิจัยไทยด้านเคมีอินทรีย์ให้มีรายได้ และตำแหน่งงานที่ดีในภาคเอกชนด้วย”

ด้าน คุณจัณจิดา กรรมการบริษัท “RBF” ให้ความเห็นที่น่าสนใจเพิ่มเติมว่า “ความร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมในอุตสาหกรรมอาหารให้มีนวัตกรรมสารสกัดจากธรรมชาติ แทนสารสังเคราะห์ ทั้งยังช่วยในแง่ของการลดต้นทุน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ให้กับเอกชนได้โดยเฉพาะเมื่อต้องส่งสินค้าไปจำหน่ายในต่างประเทศ รวมถึงในภาควิชาการให้มีความตื่นตัวในการทำวิจัยใหม่ๆ ที่ตรงตามความต้องการของตลาด ถือเป็นการตอบโจทย์และเติมเต็มความต้องการซึ่งกันและกัน เป็นความร่วมมือแบบ Win-Win-Win Situation อย่างแท้จริง”

ธุรกิจจะก้าวไกล ต้องยืนหยัดด้วยความรวดเร็ว คงที่และสม่ำเสมอ

ในอุตสาหกรรมอาหารนอกจากคุณภาพของสินค้าแล้ว รสชาติ ตลอดจนกลิ่น สีสัน และสูตรต่าง ๆ ที่ใช้ ขณะเดียวกันก็ต้องมีความรวดเร็วในเรื่องของการส่งวัตถุดิบและสินค้าให้ตรงต่อเวลา เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานและกำหนดการที่วางไว้

โดยการคิดค้นนวัตกรรมอาหาร จะต้องให้อาหารนั้นมีรสชาติที่คงที่ คงความสดใหม่เหมือนกับตอนแรกที่ผลิต รวมถึงคงคุณค่าทางโภชนาการได้ตั้งแต่วันที่ผลิตเสร็จ บรรจุและขนส่งไปจำหน่ายถึงมือผู้บริโภค ตลอดอายุการจัดเก็บหรืออายุการบริโภค ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญของ “RBF”

ดังนั้นบริษัทฯ จึงไม่หยุดยั้งที่จะวิจัยและพัฒนานวัตกรรม รวมถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่จะช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพของสินค้าให้ได้มาตรฐานคงที่และสม่ำเสมอ

จะประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน ต้องบริหาร “Supply Chain” ให้เป็น

ถ้าให้ต้องเลือกระหว่าง “Branding” กับ “Supply Chain” ว่าอะไรคือปัจจัยที่สำคัญกว่า ในการที่จะนำพาให้บริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนได้ คุณจัณจิดา ตอบอย่างไม่ลังเลเลยว่า Supply Chain เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด

“มีตัวอย่างให้เห็นแล้วว่า ต่อให้แบรนด์แข็งแกร่ง หรือมีชื่อเสียงระดับโลกแค่ไหน แต่หาก Supply Chain ไม่แข็งแกร่ง หรือมีจุดด้อย มีรอยรั่ว ก็ไม่สามารถที่จะประสบความสำเร็จในตลาดได้ เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นที่แบรนด์อาจจะด้อยกว่าหรือไม่มีชื่อเสียงโด่งดังเท่า แต่บริหารจัดการ Supply Chain ได้มีประสิทธิภาพสูงกว่า ก็ย่อมมีโอกาสเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายและมากกว่า”

“การบริหารจัดการ Supply Chain เป็นเรื่องละเอียดมาก เพียงแค่ต้นทุนที่ถูกลงเพียงแค่ 1 บาท หรือ 1 สตางค์ ก็ทำให้ลูกค้าเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดได้ ยิ่งสินค้าที่ทดแทนกันได้ ให้อรรถประโยชน์ไม่ต่างกัน ราคาที่แตกต่างกันย่อมมีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค ดังนั้นการบริหารจัดการ Supply Chain จึงเป็นสิ่งที่ “RBF” ให้ความสำคัญที่สุด”

“วิสัยทัศน์ของเราคือ ต้องดันผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาเรื่อยๆ จากการมองหาเทรนด์ผู้บริโภคใหม่ๆ นอกจากนี้เมื่อคิดและพัฒนาได้แล้ว ก็ต้องขยายขนาดต่อไป เพราะอุตสาหกรรมอาหารที่เราทำ เป็นเรื่องของ Economy of Scale จึงจะเห็นผลในแง่ของการลดต้นทุน โดยสรุป คือเรามุ่งเน้นที่จะทำให้ทุกคนใน Supply Chain ของเรามีกำไรและอยู่ได้ จึงจะถือว่าประสบความสำเร็จ”

ต้องใส่ใจในการบริการอย่างใกล้ชิด  ไม่ใช่แค่การซื้อมา

ผลิตและขายไปแล้วจบแค่นั้น แต่หลักการในการทำงานที่”RBF” ยึดมั่นมาโดยตลอด คือการให้บริการลูกค้าทุกรายด้วยความใส่ใจอย่างสม่ำเสมอ และเข้าใจในความต้องการของลูกค้าอย่างถ่องแท้ พร้อมนำปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาปรับปรุง แก้ไข เพื่อให้สามารถพัฒนาสินค้าและนำเสนอการบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้มากที่สุด

แนวทางในการดำเนินธุรกิจนี้ สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรมจากการที่บริษัทฯ ไปตั้งสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อทำงานร่วมกันกับลูกค้าในแต่ละประเทศอย่างใกล้ชิด ทั้งการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลของตลาด และพฤติกรรมผู้บริโภคท้องถิ่น เพื่อร่วมพัฒนา วิจัยและออกแบบนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคให้มากที่สุด

ก้าวที่สำคัญต่อไปในอนาคตอันใกล้ของ “RBF” คือ การเดินหน้าเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ด้วยการวางรากฐานที่แข็งแกร่งมาอย่างยาวนานประกอบกับความทุ่มเทในด้านการวิจัยและพัฒนา นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการบริหารจัดการ Supply Chain อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการบริการลูกค้าอย่างยอดเยี่ยม จึงนับเป็นอีกหนึ่งบริษัทในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ที่โดดเด่นและน่าจับตามองเป็นอย่างมาก