เสี่ยใหญ่เครือสหพัฒน์ สั่งว้าวเข้าถึงทุก Gen! ไฟเขียวลงทุน “ร้านค้าไร้พนักงาน-โรงแรม-คอนโด”

ถือเป็นงานแฟร์แห่งปีจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 23 สำหรับสหกรุ๊ปแฟร์งานจำหน่ายสินค้าในเครือสหพัฒน์กว่า 1,000 บูธ พร้อมโชว์นวัตกรรมที่จะเป็นทิศทางขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต วันนี้โฟกัสไปที่ New Growth Engine จากการผลิตสินค้าสู่บริการและวัฒนธรรม อีกยุทธศาสตร์สำคัญคือต้องทำให้ ทุกเจน” Wow กับสินค้าในเครือ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นฐานลูกค้าให้แบรนด์ไปอีกยาวนาน  

ก่อนถึงวันงาน “สหกรุ๊ปแฟร์” ที่ปีนี้จัดวันที่ 27 – 30 มิ.ย. 2562 ไบเทค บางนา “เสี่ยบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา” ประธานเครือสหพัฒน์ ในวัย 83 ปี ยังทำหน้าที่เป็นผู้บอกเล่าสิ่งที่เป็นไฮไลต์ของงานแฟร์แต่ละปี สำหรับปีนี้เริ่มตั้งแต่คอนเซ็ปต์งาน “ว้าวถูกใจทุก Gen” ที่ “เสี่ยบุณยสิทธิ์” เป็นผู้ออกไอเดีย เพื่อสื่อว่างานนี้ จะมีสินค้า บริการ และวัฒนธรรมที่หลากหลายมาตอบโจทย์ “ทุกเจน”  

ที่ออกมาเป็นคอนเซ็ปต์ “ว้าวถูกใจทุก Gen” เพราะต้องการสร้างความ Wow ในทุกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ต้องการให้เข้ามามีส่วนร่วมกับสินค้าของเครือสหพัฒน์ ผ่านงานสหกรุ๊ปแฟร์ เพราะหากคนรุ่นใหม่รู้จักและคุ้นเคยกับแบรนด์ จะทำให้สินค้ามี Life Cycle อยู่กับคนรุ่นใหม่ไปอีกยาวนาน พร้อมต้องพัฒนาสินค้าใหม่ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์เจนใหม่ๆ ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็น Old Fashion

ขณะที่คนทั่วไปที่รู้จักสินค้าในกลุ่มอุปโภคบริโภค กลุ่มแฟชั่น ของเครือสหพัฒน์ดีอยู่แล้ว แต่ก็ต้องกระตุ้นให้ทุกคนรู้สึก Wow กับสินค้าและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่นำมาเสนอด้วยเช่นกัน

โชว์สมาร์ทช้อป ไม่ต้องมีพนักงาน

นโยบายการเติบโตของเครือสหพัฒน์หลังจากนี้ จะมุ่งสู่ New Growth Engine ด้านการให้บริการและการใช้เทคโนโลยีมากขึ้น จากเดิมลงทุนสร้างโรงงาน ผลิตสินค้าจำนวนมาก ปัจจุบันเป็นผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคและแฟชั่นเกือบทุกอย่าง

แต่ปีนี้จะโฟกัสที่การนำเทคโนโลยีดิจิทัล ทั้ง AI, Big Data และ IoT มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการบริการให้กับผู้บริโภคมากขึ้น ในงาน สหกรุ๊ปแฟร์ จะเป็นครั้งแรกที่จะโชว์ “ร้านค้าอัจฉริยะไร้พนักงาน” His & Her Smart Shop ที่ได้ร่วมกับทรู คอร์ปอเรชั่น พัฒนาขึ้นโดยใช้เทคโนโลยี AI ที่จะเปิดให้ลูกค้าเข้าไปทดลองใช้บริการภายงาน ซื้อสินค้าและจ่ายเงินเองผ่านสมาร์ทเพย์เมนต์ โดยไม่มีพนักงานขาย

แนวโน้มธุรกิจค้าปลีกในอนาคต จะใช้คนลดลง เพราะแรงงานหายากมากขึ้น และให้บริการ Smart Shop ก็จะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็เป็นแนวคิดการให้บริการรูปแบบเดียวกับ Vending Machine แต่เปลี่ยนจากตู้มาเป็นร้านค้า และเครือสหพัฒน์เองได้พัฒนาเทคโนโลยีนี้ร่วมกับพันธมิตรในประเทศขึ้นมารองรับแล้วเช่นกัน เพราะต้องการให้บริการที่ล้ำหน้ากว่าคนอื่นๆ หลังจากเปิดให้ทดลองใช้บริการในงานสหกรุ๊ปแฟร์แล้วจะพัฒนาต่อเนื่อง เพื่อนำมาใช้บริการจริงหลังจากนี้

การพัฒนาเทคโนโลยีมาใช้งานมากขึ้น เพื่อทำให้เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคและความต้องการของตลาด เพื่อให้เครือสหพัฒน์ทำธุรกิจได้ครบวงจรและตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคได้ตรงจุด เพราะการเป็นผู้ผลิตสินค้าโดยไม่รู้เทรนด์ตลาดว่ามีความต้องการอย่างไร ไม่สามารถทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน

สำหรับสินค้าไฮไลต์ในงานสหกรุ๊ปแฟร์ ปีนี้ จะมีการเปิดตัว มาม่า OK บิ๊กคัพ โจ๊กและข้าวต้มรสชาติใหม่ เช่น เล้งแซ่บ กุ้งกระเทียม, เสื้อ ARROW ที่ผลิตจากกระบวนการ Upcycling โดย PTTGC, เทคโนโลยี 3D Printing  ของ PAN เป็นการออกแบบพื้นรองเท้านตามขนาดของเท้า, กลุ่มสินค้าชำระล้าง ออร์แกนิกของแบรนด์ ENFANT

อีกไฮไลต์ปีนี้คือประธานเปิดงานคนใหม่ เพราะ “เสี่ยบุณยสิทธิ์ ขอสละตำแหน่งประธานตีฆ้องเปิดงาน หลังจากทำหน้าที่ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ต่อจาก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี ที่เป็นประธานเปิดงานสหกรุ๊ปแฟร์ตั้งแต่ปีแรก 2540

ลงทุนโรงเรียน-โรงแรม-คอนโด

ด้านแผนการลงทุนปีนี้ ตามยุทธศาสตร์ด้านวัฒนธรรมในกลุ่มโรงเรียน ปีนี้ได้ลงทุน โรงเรียนนานาชาติคิงส์คอลเลจกรุงเทพ บนพื้นที่ 25 ไร่ ย่านพระราม 3 พื้นที่ติดกับบริษัทไอ.ซี.ซี. ใช้งบประมาณราว 1,000 ล้านบาท โดยร่วมมือกับโรงเรียน คิงส์คอลเลจ วิมเบิลดัน ประเทศอังกฤษ คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2563 มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันด้านบุคลากรให้ประเทศ

นอกจากนี้ในงานสหกรุ๊ปแฟร์ จะมีการเซ็นสัญญาลงทุนกลุ่มบริการเพิ่มเติม กับกลุ่มโตคิว ญี่ปุ่น เพื่อร่วมลงทุนโรงแรม 4 – 4 ดาวครึ่ง ขนาดกว่า 100 ห้อง ลงทุน 1,000 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมขนาดกว่า 200 ห้อง ลงทุน 1,000 ล้านบาท ที่นิคมอุตสาหกรรมสหพัฒน์ ศรีราชา เพื่อรองรับอีอีซี

พร้อมกันนี้จะเซ็นสัญญาร่วมกับ Sojostu จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะทำหน้าที่ดึงบริษัทจากญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในการขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม 3 แห่ง ที่กบินทร์บุรี ลำพูน และแม่สอด

จับตาการเมืองส่งผลชะลอลงทุน

เครือสหพัฒน์ยักษ์ใหญ่ด้านสินค้าอุปโภคบริโภคและอีกหลากหลายธุรกิจ ปี 2561 ทั้งเครือมีรายได้กว่า 3 แสนล้านบาท มุมมองของ เสี่ยบุณยสิทธิ์ จึงสะท้อนภาพรวมสถานการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจประเทศในฐานะภาคเอกชน โดยมองว่าหลังจากประเทศไทยผ่านการเลือกตั้งในเดือน มี.ค. 2562 และยังไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ เป็นสิ่งที่นักลงทุนต่างชาติเริ่มไม่มั่นใจในเสถียรภาพรัฐบาล จึงลังเลเรื่องการลงทุน

เครือสหพัฒน์เองครึ่งปีแรกยังไม่มีแผนลงทุนใหญ่ เพราะพันธมิตรต่างชาติต้องการรอดูนโยบายรัฐบาลเช่นกัน จากเดิมที่มองว่าปีนี้ ที่มีการเลือกตั้ง โอกาสการลงทุนใหม่น่าจะมากกว่าปีก่อน 2 – 3 เท่า แต่มาถึงขณะนี้การลงทุนคงไม่มากกว่าปีก่อน ขณะที่การเติบโตเดิมวางไว้ที่ 5% ก็น่าจะเหลือเพียง 2 – 3%

“การตัดสินใจลงทุนจะต้องดูเสถียรภาพของรัฐบาลด้วยเช่นกัน เปรียบได้กับการขับรถยนต์หากเหตุการณ์ดี ก็จะเหยียบคันเร่งเต็มที่ แต่หากเหตุการณ์ไม่ชัดเจนก็ต้องแตะเบรก”