“The 1” (เดอะวัน) Loyalty Platform ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัลกรุ๊ปที่มีจำนวนสมาชิกกว่า 15 ล้านคน Active User ราว 60% กำลังเริ่มสยายปีกออกนอกเครือไปจับมือกับร้านค้าอื่นๆ หวังต่อยอด Eco System ให้มากขึ้น เพราะนอกจากจะได้ฐานลูกค้าเข้ามาแล้วสิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือ Data ที่สามารถนำไปต่อยอดเพื่อเจาะไปยังพฤติกรรมผู้บริโภคได้
ที่ผ่านมา The 1 มีการจับมือร้านค้าใหญ่ๆ ไปประมาณ 30 – 40 ราย เช่นปั๊มน้ำมันเกือบทุกแบรนด์และร้านค้าย่อยๆ ที่อยู่ตามต่างจังหวัดอีก 500 ราย โดยแบ่ง 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ อาหาร ช้อปปิ้ง และโรงแรมกับสปา
ภายในปีนี้ได้ตั้งเป้าจะเพิ่มร้านค้าขนาดใหญ่อีก 10 ราย เช่นกลุ่มคอนโดนิเมียมและโรงพยาบาลสำหรับแม่และเด็ก โดยจะอยู่ในรูปแบบสิทธิพิเศษอื่นๆ เช่นส่วนลดหรือที่จอด และตั้งเป้าเพิ่มร้านค้าขนาดเล็กอีก 500 ราย พร้อมเตรียมอัดงบกว่า 1,000 ล้านบาทสำหรับพัฒนาระบบต่างๆ
ขณะเดียวกันถึงจะมีหลากหลายแล้วยังมีอยู่กลุ่มหนึ่งที่ The 1 สนใจ คือ “ร้านเครื่องสำอางมัลติแบรนด์” ซึ่งจากดูมูลค่าตลาดแล้วจะพบว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นความสวยความงาม ก็เป็นสิ่งที่ผู้หญิงพร้อมจะควักเงินซื้อมาประทินโฉมตัวเอง
ข้อมูลจากยูโรมอนิเตอร์ได้เปิดเผยว่า ตลาดความงามไทยใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉยีงใต้ โดยปี 2018 เติบโต 7.31% มีมูลค่ากว่า 1.92 แสนล้านบาท ถือเป็นตัวเลขที่เติบโตต่อเนื่องที่ราว 7% มากว่า 5 ปี
ดังนั้นร้านค้าขนาดใหญ่รายล่าสุดที่ The 1 จับมือด้วยจึงเป็น “BEAUTRIUM” (บิวเทรี่ยม) บิวตี้มัลติแบรนด์สโตร์ที่เปิดมาแล้ว 7 ปี และมีสาขากระจายอยู่ในกรุงเทพฯ ทั้งหมด 8 สาขา
การจับมือในครั้งนี้ Win – Win ทั้ง 2 ฝ่าย เพราะในฝั่งของ The 1 นอกจากขยายกลุ่มสินค้าให้ครบคลุมยิ่งขึ้นยังจะได้ฐานลูกค้าวัยรุ่นอายุ 15 – 20 ปีต้นๆ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 50% ของ BEAUTRIUM เข้ามาเติมในฐานซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ที่มีความสำคัญมากด้วยในอนาคตจะพัฒนาเป็นฐานลูกค้าหลักได้
ส่วน BEAUTRIUM ก็จะได้ฐานลูกค้าหลักของ The 1 เข้ามาเติมเต็มเช่นเดียวกันโดยกลุ่มที่ว่าคือ “ผู้หญิง” วัยทำงานที่มีกำลังซื้ออยู่เต็มกระเป๋า BEAUTRIUM ถึงกับคาดหวังว่ากลุ่มนี้จะเข้ามาดันรายได้ให้เติบโต 20%
เบื้องต้นทุกการช้อปในร้าน BEAUTRIUM 25 บาท จะได้รับคะแนน The 1 จำนวน 1 คะแนน ส่วนภายในไตรมาส 3 จะสามารถนำคะแนนมาเป็นส่วนลดได้ด้วยโดยการจับมือมีระยะเวลา 5 ปี
จริงๆ แล้ว BEAUTRIUM มีระบบ Loyalty Platform ของตัวเองอยู่แล้วและมีฐานสมาชิกหลักแสน ซึ่งหลังจากนี้ทุกรายจะโอนไปยัง The 1 โดยสาเหตุที่ไม่ทำเองเหมือนที่หลายๆ แบรนด์กำลังทำ จิรวุฒิ โรจน์รัตนวลี ประธานกรรมการบริหารบริษัทบิวเทรี่ยม จำกัด ให้เหตุผลว่า
“ถ้าทำเองจะต้องมีต้นทุนในการบริการจัดการ แต่การร่วมมือกันจะทำให้ส่วนนี้ลดลง ที่สำคัญยังช่วยให้ฐานลูกค้าขนาดใหญ่ของ The 1 ซึ่งสามารถชักจูงมาทำความรู้จัก BEAUTRIUM ได้”
สำหรับ BEAUTRIUM ภายในปีนี้เตรียมเปิดอีก 2 สาขาที่เซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า และ เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต ใช้งบลงทุนสาขาละ 30 ล้านบาท พื้นที่ 300 – 400 ตารางเมตร มีสินค้าทั้งหมด 1,000 แบรนด์ 50,000 SKU ในจำนวนนี้เป็นแบรนด์ที่ขายแบบเอ็กซ์คลูซีฟราว 5% ภายในปีนี้เพิ่มจำนวนแบรนด์ทั้งหมดอีก 20%
และถึงแม้ว่าอีก 2 สาขาจะเปิดในเครือเซ็นทรัล แต่การจับมือกับ The 1 ไม่ได้มีผลที่ทำให้การขยายสาขาต่อไปต้องอยู่ในเครือเซ็นทรัลอย่างเดียว หลักๆ ต้องดูทำเลและทราฟฟิกเป็นหลัก แต่ BEAUTRIUM ถือเป็นคอนเนคชั่นต่อไปได้
ภาพรวมของ BEAUTRIUM ปี 2018 มียอดขาย 500 ล้านบาท เติบโต 1 เท่าตัวมียอดใช้จ่ายต่อบิลเฉลี่ย 800 บาท นอกเหนือยอดขายในร้าน BEAUTRIUM ยังให้ความสำคัญกับยอดขายออนไลน์ด้วย
คาดว่าภายในปีนี้จะมียอดขายราว 10% จากเป้ารายได้ 700 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากเดิมที่ตั้งไว้ 1,000 ล้านบาท เนื่องจากกำลังซื้อถูกกระทบจากความไม่แน่นอนทางด้านเศรษฐกิจ