10 แบรนด์มูลค่าสูงที่สุดในโลก อัพเดตใหม่ปี 2019 Amazon เฉือน Apple คว้าแชมป์

ในที่สุด Amazon ก็ขยับแซงทั้ง Apple และ Google ได้สำเร็จจนขึ้นเป็นแชมป์แบรนด์ที่มีมูลค่ามากที่สุดประจำปี 2019 ทุบสถิติที่ 315,500 ล้านเหรียญสหรัฐ นำหน้า Apple ที่มาเป็นอันดับ 2 ด้วยมูลค่า 309,500 ล้านเหรียญ ขณะที่ Google นั่งอันดับ 3 ด้วยมูลค่า 309,000 ล้านเหรียญ 

มูลค่าแบรนด์ Amazon ปี 2019 นั้นคิดเป็นอัตราเติบโตมากกว่า 52% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สถิตินี้ถูกระบุไว้ในการจัดอันดับ “แบรน์ซี” (BrandZ Top 100) ซึ่งเรียงลำดับ 100 แบรนด์ที่มีมูลค่ามากที่สุดระดับโลกประจำปี 2019 จากการรวบรวมโดย WPP วิจัยโดย Kantar ซึ่งใช้วิธีการพิจารณาถึงมูลค่าทางการเงิน การรับรู้ของผู้บริโภค และคุณค่าของแบรนด์

ก่อนหน้านี้ Google และ Apple เคยครองแชมป์รวมกันมานานถึง 12 ปี โดยล่าสุดคือ Google ที่ครองตำแหน่งแชมป์ได้ในปี 2018 แต่มาปีนี้กลายเป็น Amazon ที่สามารถแซงหน้าทุกคน และหนีห่างไปได้ด้วยกลยุทธ์บุกหนักบริการที่หลากหลาย

โดรีน หวัง Doreen Wang ผู้อำนวยการ BrandZ จาก Kantar ให้ความเห็นว่าการเติบโตของมูลค่าแบรนด์ Amazon ที่เพิ่มขึ้นเกือบ 108,000 ล้านดอลล์ในปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าตอนนี้แบรนด์มีการขยายแบบปูพรม ไม่ยึดติดในแต่ละประเภทธุรกิจและภูมิภาค เส้นแบ่งธุรกิจกำลังเลือนหายไปเนื่องจากประสิทธิภาพของเทคโนโลยีที่ทำให้แบรนด์ต่างๆ เช่น Amazon, Google และ Alibaba สามารถให้บริการที่หลากหลาย ในจุดบริการลูกค้าหลาย touchpoint

นอกจากนี้ อีก 4 ใน 10 แบรนด์ที่ติดอันดับ ยังคงเป็นแบรนด์ดั้งเดิมที่มีอิทธิพลมานานกว่า เช่น วีซ่า (Visa), แมคโดนัลด์ (McDonald’s) และเอทีแอนด์ที (AT&T) ขณะที่ไมโครซอฟท์ (Microsoft) นั่งอันดับ 4 คงที่จากที่ทำได้ในปี 2018

การจัดอันดับแบรนด์ระดับโลกในปีนี้สะท้อนว่าหลายบริษัทเทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในเวทีโลกมากขึ้น นับตั้งแต่แบรนด์ Microsoft ครองแชมป์ครั้งแรกเมื่อ BrandZ เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 2006 สำหรับปีนี้ อาลีบาบา (Alibaba) ติดอันดับด้วยมูลค่าแบรนด์ 131,200 ล้านเหรียญสหรัฐ แซงหน้าแบรนด์เพื่อนบ้านชาติเดียวกันอย่าง Tencent ที่ครองมูลค่าแบรนด์ 130,900 ล้านเหรียญสหรัฐ

ปีนี้มีแบรนด์จีนทั้งหมด 15 ราย ในทำเนียบ 100 แบรนด์ระดับโลก โดยมีแบรนด์โทรศัพท์มือถือที่ขยายมาทำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าหลากหลายอย่างเสียวหมี่ (Xiaomi) ติดอันดับด้วยมูลค่า 19,800 ล้านเหรียญสหรัฐ และ Meituan แพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่ผู้ใช้สามารถสั่งอาหาร จองห้องพักโรงแรม และเช่าจักรยานได้ มูลค่าแบรนด์ที่ถูกบันทึกคือ 18,800 ล้านเหรียญ

  1. Amazon         

ทำกำไรมหาศาลจากกลยุทธ์การซื้อกิจการที่ชาญฉลาด ทำให้มีรายรับหลายช่องทางจากบริการเป็นนวัตกรรม โดยไม่ลืมจัดเต็มโปรแกรมการบริการลูกค้าที่แข็งแกร่ง ทั้งหมดนี้มีส่วนช่วยสร้างมูลค่าแบรนด์ 315,500 ล้านดอลลาร์ให้ตัวเองได้สำเร็จในปีนี้

  1. Apple   

Apple พยายามวางจุดยืนตัวเองว่าไม่ได้เป็นแบรนด์อุปกรณ์ แต่เป็นระบบนิเวศทางเทคโนโลยี มีอุปกรณ์และบริการในเครือมากมาย โดยในปีที่ผ่านมา Apple เปิดตัว 3 โครงการใหม่คือ บริการสตรีมมิ่งสำหรับ content ต้นฉบับที่ Apple จะผลิตเอง, บริการสมัครสมาชิกข่าว และแพลตฟอร์มเกมที่เรียกว่า Apple Arcade ทั้งหมดนี้เชื่อว่าจะทำให้ Apple แข็งแกร่งขึ้นอีก

  1. Google       

แม้จะถูกวิจารณ์อย่างรุนแรงในช่วงปีที่ผ่านมา รวมถึงการร้องเรียนต่อเนื่องว่าตอบสนองต่อข้อกล่าวหาการล่วงละเมิดทางเพศภายในบริษัทแบบล่าช้า แต่ Google ยังคงเป็นแพลตฟอร์มการค้นหาที่คนทั่วโลกใช้งานมากที่สุด

  1. Microsoft      

การลงทุนของ Microsoft ในโปรแกรมที่ล้ำสมัยเช่น Azure ซึ่งเป็นบริการคลาวด์คอมพิวติ้งนั้นดูเหมือนว่าจะออกดอกผลให้ Microsoft ทันใจ ทำให้สามารถรับประโยชน์จากการเปลี่ยนลูกค้าจำนวนมหาศาลที่มีในมือไปสู่คลาวด์ได้ดี

  1. Visa      

Visa ยังคงมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้ผู้บริโภคเข้าสู่ “สังคมไร้เงินสด” ด้วยคุณสมบัติใหม่ที่ Visa พยายามสร้างขึ้น เช่น บัตรชำระเงินด่วนที่ปรับให้ผู้ใช้สามารถชำระเงินได้เร็วกว่าเดิม

  1. Facebook           

ในขณะที่ Facebook เผชิญกับการถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวางเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวและการแบ่งปันข้อมูล แต่ Facebook ก็ยังครองตำแหน่ง top ในแพลตฟอร์มโซเชียล การเติบโตของ Facebook ส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจาก Instagram ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 95% เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าตัวเมื่อเทียบจากปี 2018

  1. Alibaba         

Alibaba ยังคงครองตลาดอีคอมเมิร์ซทั่วโลกอย่างแข็งแกร่ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการบริการลูกค้า และที่สำคัญคือการจัดส่งสินค้า รวมถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของวันคนโสด Singles’ Day ที่ช่วยกระตุ้นยอดขายเพิ่มขึ้นทุกปี

  1. Tencent    

Tencent เป็น 1 ใน 15 แบรนด์จีนที่ติดอันดับ top 100 ของปีนี้ แรงหนุนสำคัญมาจากความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องของแบรนด์ลูกอย่าง WeChat

  1. McDonald’s  

McDonald’s ลงมือพัฒนาระบบดิจิทัลเพื่อปรับใช้ในกระบวนการสั่งอาหารอย่างจริงจัง ซื้อรวมถึงการปรับใช้หน้าจอคีออสก์ในร้านค้าเพื่อให้ลูกค้าสั่งอาหารได้รวดเร็ว ยังมีการเปิดทางให้ลูกค้าสั่งซื้อล่วงหน้าผ่านแอป เป็นความเคลื่อนไหวที่ทำให้ McDonald’s ยิ่งใหญ่ขึ้นอีกในยุคดิจิทัล

  1. AT&T   

AT&T ได้รับประโยชน์อย่างมากจากการอนุมัติให้เข้าซื้อกิจการ Time Warner ซึ่งทำให้ AT&T เข้าสู่เซกเมนต์บันเทิงที่มีกำไรงาม ทำให้ตอนนี้ AT&T มีจุดยืนเป็นคู่แข่งกับบริษัทอย่าง Netflix และ Disney ไปด้วย