สมกับสโลแกนคุ้นหูอย่าง “เป้าหมายมีไว้พุงชน” ของแท้เสียแล้ว เมื่อ “กระทิงแดง” เครื่องดื่มให้พลังงานซึ่งผลิตและจัดจำหน่ายโดยกลุ่มธุรกิจ TCP วางเกมรุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างจริงจัง พร้อมกับตั้งเป้าหมายเอาไว้พุ่งชนด้วยต้องการเติบโตสูงขึ้น 2 เท่า มียอดขายแตะ 60,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี
“กระทิงแดง” หรือ เรดบูล ระบุว่าตัวเองนั้นเป็นแบรนด์ที่รู้จักกันดีในระดับโลก เพราะอยู่ในตลาดมายาวนานถึง 40 ปี โดยเป็นแบรนด์เครื่องดื่มให้พลังงานจากไทยเพียงหนึ่งเดียว ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้นำอันดับ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยส่วนแบ่งการตลาดราว 40% และขึ้นครองเป็นผู้นำเครื่องดื่มให้พลังงานที่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของทุกประเทศที่ได้เข้าไปบุกตลาด
ภายในปี 2019 กระทิงแดงตั้งเป้ายอดขายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเติบโตขึ้น 15% โดยกลยุทธ์สำคัญจะมาจากการบุก “สิงคโปร์” หลังพบว่าตลาดนี้มีศักยภาพการเติบโตสูง และการเป็นศูนย์กลางด้านธุรกิจในระดับนานาชาติของประเทศสิงคโปร์
การรุกครั้งนี้จะนำร่องด้วยเครื่องดื่มให้พลังงาน “เรดบูล พลัส” เนื่องจากพบว่า ผู้บริโภคเริ่มหันมาใส่ใจเรื่องการควบคุมการบริโภคน้ำตาล จึงเหมาะกับเครื่องดื่มตัวนี้ที่เป็นเครื่องดื่มให้พลังงานสูตรพรีเมียม ปราศจากน้ำตาล ผสมวิตามินนานาชนิด มาพร้อมกับบรรจุภัณฑ์ใหม่สุดเท่ในรูปแบบสลิมแคน (slim can)
เน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพและภาพลักษณ์ โดยจะเริ่มนำร่องจัดจำหน่ายในปลายเดือนมิถุนายนที่ประเทศสิงคโปร์ และตั้งเป้าจะขยายสู่ตลาดในประเทศอื่นๆ ต่อไป
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายยอดขาย 60,000 ล้านบาทก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นเดียวกัน จะหวังพึ่งสินค้าอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอ “ศุภชัย จุนเกียรติ” ผู้อำนวยการสายงานการตลาดโกลเบิล กลุ่มธุรกิจ TCP กล่าวว่า การสร้างแบรนด์ไทยให้เติบโตและมีชื่อเสียงในระดับโลก ต้องเริ่มจากการสร้างรากฐานขององค์กรอย่าง “บุคลากร” ให้แข็งแกร่ง
เป็นที่มาของการฟอร์มทีมงาน Global Marketing และทีมการตลาดประจำประเทศต่างๆ รวมกว่า 100 คน เพื่อดูแลการตลาดของกระทิงแดงทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยทีมงานในแต่ละประเทศต้องปรับเปลี่ยนทิศทางการทำงาน ให้เข้ากับพฤติกรรมการบริโภควัฒนธรรมและไลฟ์สไตล์ความเป็นอยู่ของผู้บริโภค และบริบทในประเทศนั้นๆ แต่ยังคงต้องหลอมรวมเป็นหนึ่ง เพื่อที่จะสื่อสารความเป็นเอกลักษณ์ของกระทิงแดงออกมาในทิศทางเดียวกัน
ภายใต้งบการตลาดกว่า 3,000 ล้านบาท เกมการตลาดจะเดินไปใน 3 ทิศทางหลัก ได้แก่
1. เสริมทัพทีมการตลาด Global Marketing เพื่อช่วยให้การบุกตลาดต่างประเทศที่แต่เดิมมีฝ่ายธุรกิจต่างประเทศ (International Business) เป็นหัวหอกเรื่องการขายเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกระทิงแดงในสถานการณ์ตลาดปัจจุบันที่มีการแข่งขันสูงขึ้น
โดยมุ่งพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ขยายฐานผู้บริโภคพร้อมทั้งสร้างการรับรู้ของแบรนด์ให้เข้าถึงผู้บริโภคเพื่อมุ่งเดินหน้าไปสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ขึ้นและก้าวเป็น 1 ใน 2 (Top 2) ผู้นำเครื่องดื่มให้พลังงานทุกประเทศทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
2.ขยายศักยภาพการเติบโต ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกเซ็กเมนต์ ปัจจุบันกระทิงแดงมีพอร์ตโฟลิโอหลากหลายถึง 10 ผลิตภัณฑ์
3.สร้างนวัตกรรมการสื่อสารรูปแบบใหม่ โดยกระทิงแดงจะเน้นสื่อสารกับผู้บริโภคผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มในรูปแบบต่างๆ ซึ่งจะสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มาก อาทิ ไลน์ (ในตลาดเมืองไทย) สื่อโซเชี่ยลมีเดีย และวอตส์แอปป์ (ในตลาดต่างประเทศ) โดยจะปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับบริบทและความนิยมของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ
ขณะเดียวกันตลาดในเมืองไทยได้มีการเปิดตัว ‘กระทิงแดง เอ็กซ์ตร้า’ สูตรใหม่บรรจุภัณฑ์รูปแบบใหม่ กับแคมเปญลองเลย อร่อยจริง!’ ซึ่งจากการวิจัยกับผู้บริโภคพบ 90% รู้สึกชอบ เน้นจับกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่นักศึกษา จนถึงคนทำงานทั่วไป อายุระหว่าง 18 – 35 ปี
“การพลิกโฉมของผลิตภัณฑ์ครั้งนี้ เป็นผลมาจากการศึกษาพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคในตลาดอย่างลึกซึ้งที่ทำให้เราเห็น Unmet Needs ของผู้บริโภค ในด้านรสชาติและบรรจุภัณฑ์ ส่งผลให้แบรนด์กระทิงแดงดูทันสมัยมากขึ้น เหมาะกับคนรุ่นใหม่”
เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างนอกจากจะมีภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ยังมีการแจกสินค้าตัวอย่าง 1 ล้านขวดทั่วประเทศ ใช้สื่อออนไลน์ สื่อ out-of-home สื่อ ณ จุดขาย และในร้านค้า กิจกรรมคอนเสิร์ตรวมกว่า 300 สนามทั่วประเทศ